“สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ส่อได้ มาเตโอ โควาซิช กลับมายืนคุมแดนกลางนัดเยือน “เจ้าป่า” น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันที่ 1 ม.ค.นี้

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ VS เชลซี
สนาม : ซิตี้ กราวน์ด
เวลา : 23.30 น.
น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์
ผลงาน 5 เกมหลังสุดในศึกพรีเมียร์ลีก
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ ลิเวอร์พูล 1-0 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ อาร์เซนอล 0-5 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : เสมอ เบรนท์ฟอร์ด 2-2 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ คริสตัล พาเลซ 1-0 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-3 (เยือน)
คาดว่ากุนซือ สตีฟ คูเปอร์ จะปรับทัพบางตำแหน่งจากเกมล่าสุดที่บุกไปแพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-3 ในศึกพรีเมียร์ลีก เพื่อลุ้นกลับมาคว้าชัยแล้วขยับหนีจากโซนตกชั้นตรงโซนท้ายตารางคะแนน เพราะตอนนี้อยู่ตำแหน่งรองบ๊วยอันดับ 19 แข่ง 16 นัด มี 13 คะแนน แม้จะมีนักเตะได้รับบาดเจ็บหลายคน แต่ยังมีผู้เล่นให้เลือกใช้งานได้อีกหลายราย
11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 4-3-3
ดีน เฮนเดอร์สัน, วิลลี่ โบลี่, โจ วอร์เรลล์, เรนาน โลดี้, แซร์จ ออริเย่ร์, เรโม ฟรอยเลอร์, ไรอัน เยตส์, โอเรล มองกาล่า, เบรนแนน จอห์นสัน, เอมมานูเอล เดนนิส, ไตโว อโวนิยี่
ผู้รักษาประตู : พร้อมให้ ดีน เฮนเดอร์สัน กลับมายืนเฝ้าเสาเป็นมิอหนึ่งอีกครั้ง เพราะนัดก่อนหมดสิทธิ์ใช้งานจากการติดเงื่อนไขตามสัญญายืมตัวจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั่นเอง ทำให้ เวย์น เฮนเนสซีย์ เตรียมกลับไปสวมบทเป็นมือสองในฐานะตัวสำรองเหมือนเดิม
แนวรับ : ไม่เปลี่ยนแปลงไปจาก วิลลี่ โบลี่ กับ โจ วอร์เรลล์ พร้อมยืนเป็นกองหลังคู่กันเหมือนเดิม ส่วนแบ็กซ้ายเป็นหน้าที่ของ เรนาน โลดี้ โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ แซร์จ ออริเย่ร์ ในตำแหน่งแบ็กขวา ทำให้ สตีฟ คุ้ก, เนโก้ วิลเลี่ยมส์, แฮร์รี่ ตอฟโฟโล่, สกอตต์ แม็คเคนน่า และ ลออิค บาเด้ เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองเหมือนอย่างนัดที่แล้ว แต่หมดสิทธิ์ใช้งาน มุสซ่า นิอัคฮาเต้ รวมถึง โอมาร์ ริชาร์ดส เพราะว่ายังไม่หายจากอาการบาดเจ็บนั่นเอง
แดนกลาง : เตรียมให้ เรโม ฟรอยเลอร์, ไรอัน เยตส์ และ โอเรล มองกาล่า ลงไปยืนคุมเกมร่วมกันเหมือนเดิม เพราะเป็น 3 ประสานตัวหลักในแงมิดฟิลด์อยู่แล้ว ส่วนในรายของ แจ็ค โคลแบ็ค, กุสตาโว่ สคาร์ปา และ ลูวิส โอไบรอัน เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองทั้งหมดเลย ขณะที่ ชีคฮู คูยาเต้ ยังต้องพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บต่อไป
แนวรุก : รอเช็กสภาพความฟิตของ มอร์แกน กิ๊บบ์ส-ไวท์ รวมภึง เจสซี่ ลินการ์ด เจอโรคเดี้ยงเล่นงาน แต่ถ้ากลับมาลงสนามไม่ได้จะให้ เอมมานูเอล เดนนิส สวมบทเป็นปีกขวา โดยจะยืนคนละฝั่งกับ เบรนแนน จอห์นสัน ในตำแหน่งปีกซ้าย และพร้อมให้ ไตโว อโวนิยี่ สวมบทเป็นกองหน้าตัวเป้า จึงน่าจะได้เห็น แซม เซอร์ริดจ์ และ ลีส เทย์เลอร์ นั่งเป็นตัวสำรองเหมือนเช่นเคย
เชลซี
ผลงาน 5 เกมหลังสุดในศึกพรีเมียร์ลีก
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : เสมอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ ไบรท์ตัน 1-4 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ อาร์เซนอล 0-1 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ นิวคาสเซิ่ล 0-1 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ บอร์นมัธ 2-0 (เหย้า)
คาดว่ากุนซือ เกรแฮม พ็อตเตอร์ จะปรับทัพบางตำแหน่งจากเกมล่าสุดที่เปิดบ้านชนะ บอร์นมัธ 2-0 ในศึกพรีเมียร์ลีก เพราะมีนักเตะได้รับบาดเจ็บหลายคนเลย แต่ยังใช้งานพวกแข้งหลักได้อีกหลายราย เพื่อลุ้นกลับมาคว้าชัยขยับขึ้นไปเกาะกลุ่มบนหัวตารางคะแนน โดยในช่วงก่อนเกมนี้อยู่อันดับ 8 แข่ง 15 นัด มี 24 คะแนน
11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 4-2-3-1
เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า, ติอาโก้ ซิลวา, คาลิดู คูลิบาลี่, มาร์ค คูคูเรย่า, รีซ เจมส์, มาเตโอ โควาซิช, จอร์จินโญ่, เมสัน เมาท์, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, คริสเตียน พูลิซิช, ไค ฮาเวิร์ตซ
ผู้รักษาประตู : พร้อมให้ เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า ยืนเฝ้าเสาเป็นตัวจริงเหมือนเช่นเคย เพราะสวมบทเป็นมือหนึ่งอยู่แล้ว ส่วนในรายของ เอดูอาร์ เมนดี้ เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองอยู่ที่ข้างสนามไปก่อน หลังถูกจับให้เป็นมือสองไปแล้วนั่นเอง
แนวรับ : ไม่น่าจะเป็นเปลี่ยนแปลงไปจาก คาลิดู คูลิบาลี่ กับ ติอาโก้ ซิลวา เตรียมยืนเป็นกองหลังคู่กัน ทำให้ เทรโวห์ ชาโลบาห์ น่าจะต้องนั่งเป็นตัวสำรองไปก่อน ส่วนในรายของ เวสลีย์ โฟฟาน่า หมดสิทธิ์ลงสนามอย่างแน่นอน เพราะต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บแบบยาวๆ ส่วนแบ็กซ้ายพร้อมให้ มาร์ค คูคูเรย่า เป็นตัวเลือกอันดับแรก เนื่องจาก เบน ชิลเวลล์ ยังไม่หายจากโรคเดี้ยง โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ในตำแหน่งแบ็กขวาแทนที่ของ รีซ เจมส์ ซึ่งได้รับบาดเจ็บอีกแล้ว
แดนกลาง : ส่อได้เห็น มาเตโอ โควาซิช กลับมายืนคุมเกมอีกครั้ง เพราะว่าเพิ่งกลับมาซ้อมในช่วงหลังหมดวันหยุดพักผ่อนจากการกรำศึกหนักร่วมกับทีมชาติโครเอเชียชุดคว้าอันดับ 3 จากศึกฟุตบอลโลก 2022 นั่นเอง โดยน่าจะได้ประสานงานกับ จอร์จินโญ่ ซึ่งเป็นตัวหลักในแผงมิดฟิลด์อยู่แล้ว ส่วนในรายของ เดนิส ซากาเรีย เตรียมกลับมานั่งเป็นตัวสำรอง เช่นเดียวกับ คอเนอร์ กัลลาเกอร์ และหมดสิทธิ์ใช้งาน เอ็นโกโล่ ก็องเต้, รูเบน ลอฟตัส-ชีค รวมถึง คาร์นีย์ ชุควูเอเมก้า ต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บเหมือนเดิม
แนวรุก : น่าจะให้ เมสัน เมาท์ สวมบทเป็นเพลย์เมกเกอร์ในฐานะตัวปั้นเกมเหมือนเดิม ส่วนในรายของ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง พร้อมสวมบทเป็นปีกขวา โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ คริสเตียน พูลิซิช ในตำแหน่งปีกซ้าย และพร้อมให้ ไค ฮาเวิร์ตซ สวมบทเป็นกองหน้าตัวเป้า ส่วนในรายของ ปิแอรื เอเมริก โอบาเมยอง เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองค่อนข้างแน่ ขณะที่ ฮาคิม ซีเย็ค ไม่น่าจะฟิตในช่วงหลังกลับมาจากการพักผ่อนตอนเสร็จสิ้นภาระกิจรับใช้ทีมชาติโมร็อคโกจากศึกฟุตบอลโลก 2022 แต่หมดสิทธิ์ใช้งาน อาร์มันโด้ โบรย่า ซึ่งต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บต่อไป
สถิติการพบกันเอง
สำหรับคู่นี้เคยดวลแข้งกันในทุกรายการมาแล้วทั้งหมด 70 เกม ปรากฎว่า เชลซี มีสถิติเหนือกว่าเล็กน้อย โดยเป็นฝ่ายชนะ 28 เกม เสมอ 21 เกม และแพ้ 21 เกม ส่วนผลการพบกันนัดล่าสุดในศึกเอฟเอ คัพ รอบ 3 เมื่อปี 2020 ปรากฎว่า “สิงโตน้ำเงินคราม” เป็นฝ่านเปิดบ้านชนะ 2-0 สำหรับผลการพบกันนัดล่าสุดที่สนามแห่งนี้ในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อปี 1998 ปรากฎว่า น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ บุกไปแพ้ 1-2
สถิติที่เคยพบกัน 5 เกมหลังสุด
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 1999 : น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ แพ้ เชลซี 1-3
เอฟเอ คัพ ปี 2007 : เชลซี ชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 3-0
คาราบาว คัพ ปี 2017 : เชลซี ชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 5-1
เอฟเอ คัพ ปี 2019 : เชลซี ชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 2-0
เอฟเอ คัพ ปี 2020 : เชลซี ชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 2-0
ความน่าจะเป็น
ฟอร์มไม่ค่อยจะดีอยู่แล้ว และต้องมาเผชิญหน้ากับทีมใหญ่อีกต่างหาก ทำให้ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ เป็นรองอยู่ไม่น้อย ส่วน เชลซี เล่นกันได้แบบมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น คาดว่า “สิงโตน้ำเงินคราม” น่าจะเป็นฝ่ายบุกไปเก็บ 3 คะแนนเต็มได้สำเร็จ
ผลที่คาด : น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ แพ้ เชลซี 0-2
บทความนี้นับสนุนโดย Siam99 เว็บคาสิโนออนไลน์ที่นึ่งในประเทศไทย
บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวิเคราะห์ฟุตบอล และ EPL