“บาร์ซ่า” ยุคก้าวข้ามเมสซี่เพื่อคัมแบ็กสู่ความสำเร็จ
หลังจากที่มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นหลายๆ อย่าง และประสบปัญหาเรื่องของการเงินแบบหนักหน่วงเลยด้วย จึงไม่สามารถรั้งตัวดาวเตะระดับตำนานของสโมสร นั่นก็คือ ลิโอเนล เมสซี่ ซึ่งต้องจำใจแยกทางกันในช่วงหลังหมดข้อผูกมัดเมื่อช่วงกลางปี 2021 แบบทั้งน้ำตาไปเลย เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเหนื่อยเป็นจำนวนมหาศาลเพื่อแลกเปลี่ยนกับการจรดปากกาเซ็นสัญญาฉบับใหม่นั่นเอง จึงส่งผลกระทบต่อเรื่องของผลงานในสนามไปด้วยเช่นกัน เพราะไม่พบกับความสำเร็จจากการไร้ถ้วยแชมป์ติดมือเมื่อช่วงฤดูกาลก่อน ทำให้ บาร์เซโลน่า ต้องตัดสินใจขายทรัพย์สินของตัวเอง หรือที่เรียกกันตามภาษาในเชิงนโยบายว่า “คันโยกเศรษฐกิจ” อยู่หลายครั้ง เพื่อแลกเปลี่ยนกับเงินก้อนใหญ่สำหรับการนำมาช่วยพยุงฐานะทางการเงินของสโมสรนั่นเอง จึงสามารถเอาตัวรอดจากเรื่องของวิกฤตการเงินได้บ้างแล้ว และสามารถเล่นแร่แปรธาตุจากการหมุนเงินเพื่อนำมาใช้ซื้อนักเตะฝีเท้าดีเข้ามาเสริมทัพให้สมกับฉายาแบบไทยๆ ว่า “เจ้าบุญทุ่ม” ได้แบบต่อเนื่องเลยด้วย
ตอนนี้ บาร์เซโลน่า ได้เริ่มต้นนับหนึ่งจากการหวนกลับคืนสู่เส้นทางความสำเร็จเหมือนอย่างที่ควรจะเป็นในช่วงหลังไร้เงาของ ลิโอเนล เมสซี่ ได้แล้ว เพราะสามารถคว้าแชมป์ซูเปอร์โคปา เดอ เอสปันญ่า หรือที่เรียกกันในอีกหนึ่งชื่อว่า สแปนิช ซูเปอร์ คัพ ประจำฤดูกาลนี้ได้แบบหมาดๆ จากการเดินทางไปฟาดแข้งกันที่กรุงริยาดห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย หลังเป็นฝ่ายเก็บชัยในศึกแห่งศักดิ์ศรี “เอล กลาซิโก้” ฉบับนัดชิงชนะเลิศของฟุตบอลถ้วยจากการเอาชนะ เรอัล มาดริด ทีมคู่ปรับตลอดกาลด้วยสกอร์ 3-1 นั่นเอง และเป็นการคว้าแชมป์ภายใต้การคุมทัพของ ชาบี้ เอร์นันเดซ เป็นรายการแรกไปเลยด้วย นับตั้งแต่ตำนานกองกลางของสโมสรได้ก้าวเท้าเข้ามาสวมบทเป็นกุนซือเมื่อช่วงปลายปี 2021
นอกจากนี้ บาร์เซโลน่า ยังคงเป็นเจ้าของสถิติคว้าแชมป์ซูเปอร์โคปา เดอ เอสปันญ่า ได้มากที่สุดต่อไปด้วยจำนวน 14 สมัย ซึ่งเหนือกว่าอันดับ 2 นั่นก็คือ เรอัล มาดริด ด้วยจำนวน 12 สมัย จึงถือว่าเป็นรางวัลปลอบใจในช่วงหลังตกรอบแบ่งกลุ่มยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้เหมือนกัน เพื่อจะได้ก้าวเท้าไปสู่การตามล่าความสำเร็จที่ยังมีลุ้นอยู่ในช่วงฤดูกาลนี้อีก 3 รายการ โดยเฉพาะการลุ้นกลับมายึดบัลลังก์แชมป์ลาลีกา สเปน หลังห่างหายมานานถึง 3 ซีซั่นแล้วด้วย นับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ได้ชูถ้วยแชมป์ลีกสูงสุดเมืองกระทิงดุเมื่อฤดูกาล 2018/2019 โน้นเลย โดยตอนนี้ยังคงรั้งตำแหน่งจ่าฝูงเหนือกว่า เรอัล มาดริด ซึ่งตามมาเป็นอันดับ 2 แบบหายใจรดต้นคออยู่เหมือนกัน และมีลุ้นคว้าแชมป์โคปา เดล เรย์ ซึ่งได้ผ่านเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายแล้วด้วย รวมถึงการลุ้นคว้าถ้วยแชมป์เบอร์ 2 ในเกมระดับสโมสรยุโรป นั่นก็คือ ยูฟ่า ยูโรปาลีก แต่มีข้อแม้จะต้องผ่าน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมคู่แข่งในรอบน็อคเอาท์ เพลย์ออฟ ซึ่งจะฟาดแข้งกันในช่วงกลางเดือนหน้าไปให้ได้เสียก่อน
แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องของขุมกำลังนักเตะในหลายๆ ตำแหน่ง เพราะมีการคว้าผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาเสริมทัพหลายคน และมีการปล่อยตัวนักเตะจากเมื่อช่วงฤดูกาลก่อนออกไปหลายรายเลยด้วย ซึ่งรวมถึง เกราร์ด ปิเก้ ตำนานกองหลังทีมชาติสเปนที่กลายเป็นอดีตนักเตะไปเสียแล้ว หลังผ่านพ้นการลงสนามนัดสุดท้ายในอาชีพนักฟุตบอลไปตามเจตนารมณ์ เพราะได้ตัดสินใจประกาศ “แขวนสตั๊ด” เลิกเล่นฟุตบอลในช่วงหลังจบเกมลาลีกา สเปน นัดที่เปิดบ้าน อัลเมเรีย 2-0 เมื่อคืนวันที่ 5 พฤศจิกายนปีก่อน และได้จารึกชื่อว่าเป็นหนึ่งในตำนานนักเตะแห่งถิ่นคัมป์ นู ด้วยเช่นกัน หลังจากที่ได้เริ่มต้นแจ้งเกิดในวงการลูกหนังโลกกับ บาร์เซโลน่า ซึ่งกลายเป็นทีมสุดท้ายในชีวิตนักฟุตบอลตามที่ได้อยู่ปักหลักรับใช้มานานถึง 14 ปีเลยทีเดียว
ทั้งนี้ ปิเก้ ถือว่าเป็นศิษย์ก้นกุฏิของ บาร์เซโลน่า อย่างแท้จริง เพราะว่าถือกำเนิดลืมตาดูโลกที่เมืองบาร์เซโลน่าเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ปี 1987 และได้เริ่มเล่นฟุตบอลจากการเป็นเด็กปั้นในทีมเยาวชนของ “เจ้าบุญทุ่ม” ระหว่างปี 1997-2004 โดยเริ่มต้นจากการยืนเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรับมาก่อน แต่ได้ตัดสินใจย้ายไปแจ้งเกิดจากการเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพกับ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บนเกาะอังกฤษในปี 2004 หลังจากนั้น เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานกุนซือแห่งถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด เห็นว่ามีความสูงถึง 194 เซนติเมตร จึงตัดสินใจให้สวมบทเป็นกองหลัง และกลายเป็นตำแหน่งประจำแบบปักหลักถาวรไปเลย แม้จะอยู่ในทีมชุดที่ประสบความสำเร็จจากการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก และแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ทั้ง 2 รายการในช่วงปี 2008 แต่ได้รับโอกาสให้ลงเล่นน้อยมากๆ เพราะว่าตอนนั้นเป็นเพียงแค่แข้งเด็กดาวรุ่งที่อยู่ภายใต้ร่มเงาของ 2 ตำนานกองหลังอย่าง ริโอ เฟอร์ดินานด์ และ เนมันย่า วิดิช นั่นเอง จึงได้ลงสนามรับใช้ “ปีศาจแดง” ในช่วงระหว่างปี 2004-2008 เพียงแค่ 23 นัดเท่านั้น และเคยถูกปล่อยให้ เรอัล ซาราโกซ่า ยืมตัวไปใช้งานอีกต่างหาก ทำให้ บาร์เซโลน่า ตัดสินใจจ่ายเงินเพื่อดึงอดีตเด็กปั้นที่รู้จักฝีเท้าเป็นอย่างดีให้หวนกลับคืนสู่ถิ่นเดิมในปี 2008 ด้วยค่าตัวเพียง 5 ล้านยูโร
หลังจากนั้น ปิเก้ ได้กลายเป็นตัวหลักในแนวรับของ บาร์เซโลน่า มาโดยตลอด และสามาถพัฒนาฝีเท้าจนกลายเป็นหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดของโลกไปเลยด้วย แถมยังมีส่วนช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จแบบล้นหลามจากการกวาดถ้วยแชมป์ได้มากถึง 30 รายการเลยทีเดียว โดยเฉพาะแชมป์ลาลีกา สเปน มากถึง 8 สมัย รวมถึงการยึดบัลลังก์ “เจ้าสโมสรยุโรป” ในฐานะแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อีกถึง 3 สมัยด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังเคยเป็นตัวหลักในแนวรับของทีมชาติสเปนจากการลงสนามรับใช้บ้านเกิดมากถึง 102 เกมระหว่างปี 2009-2018 และอยู่ในทีมชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 2010 รวมถึงแชมป์ยูโร 2012 อีกต่างหาก เมื่อชีวิตมีช่วงขาขึ้นมันก็ต้องมีช่วงขาลงเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ซึ่งเป็นไปตามจังหวะของสโมสรที่ประสบปัญหาเรื่องการเงินอย่างรุนแรงมาตั้งแต่เมื่อช่วงปีก่อน จึงส่งผลกระทบต่อผลงานในสนามของ บาร์เซโลน่า ไปด้วยเลย และยังไม่สามารถหวนกลับคืนสู่จุดสูงสุดได้เหมือนอย่างเมื่อก่อนเสียที นอกจากนี้ ปิเก้ ซึ่งอยู่ในบั้นปลายของอาชีพค้าแข้งยังมีปัญหาส่วนตัวด้วยเช่นกัน เพราะได้เลิกรากับ ชากีร่า นักร้องสาวชาวโคลอมเบียที่ได้พบรักกันในช่วงฟุตบอลโลก 2010 และได้อยู่กินกันมานานกว่า 10 ปีเลยด้วย แต่สุดท้ายได้ตัดสินใจแยกทางกันเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา เพราะถูกฝ่ายหญิงจับได้ว่านอกใจนั่นเอง
แม้ว่า บาร์เซโลน่า จะมีการเปลี่ยนแปลงบอร์ดบริหารชุดใหม่ เพื่อแทนที่ของบริหารบริหารชุดเก่าที่มีปัญหาเรื่องของการทุจริตติดตัวอยู่ด้วย แต่ว่ายังไม่สามารถเคลียร์ปัญหาเรื่องของเงินๆ ทองๆ ได้แบบเบ็ดเสร็จ และยังคงค่าค้างจ่ายเงินค่าเหนื่อยให้กับนักเตะหลายๆ คน ซึ่งรวมถึง ปิเก้ ด้วยเช่นกัน และว่ากันว่าค้างชำระเงินค่าแรงให้กับกองหลังจอมเก๋าวัย 35 ปีมากถึง 30 ล้านยูโรเลยทีเดียว แต่ ปิเก้ ได้ตัดสินใจสละเงินจำนวนดังกล่าวในวันที่ประกาศเลิกเล่นฟุตบอลเพื่อช่วยเหลือสโมสรที่เขารักแบบสุดหัวใจไปในตัวเลยด้วย พร้อมกับจารึกสถิติรับใช้ “เจ้าบุญทุ่ม” จากการลงสนามในทุกรายการไปทั้งหมด 616 เกม และยิงประตูได้ทั้งหมด 52 ลูกเลยด้วย
แต่ตอนนี้ ชาบี้ สามารถตามหาทีมที่ลงตัวที่สุดได้แล้ว โดยเฉพาะแนวรับที่เล่นกันได้แบบเหนียวแน่นในช่วงหลังคว้า 2 กองหลังคนใหม่เข้ามาเสริมทัพ นั่นก็คือ อันเดรียส คริสเตนเซ่น และ ฌูลส์ คุนเด้ จึงช่วยกันเก็บคลีนชีทในศึกลาลีกาฤดูกาลนี้ได้ถึง 12 เกมเลยด้วย และทำให้ มาร์ค อังเดร แทร์ สเตเก้น ผู้รักษาประตูจอมหนึบเสียประตูในเกมลีกสูงสุดเมืองกระทิงดุในช่วงฤดูกาลนี้น้อยมากๆ ส่วนแดนกลางยังคงมี เซร์คิโอ บุสเกตส์ มิดฟิลด์จอมเก๋าเป็นแกนหลัก และได้ 2 ดาวรุ่งพุ่งแรง นั่นก็คือ กาบี้ กับ เปดรี้ ช่วยกันขับเคลื่อนเกมในแดนกลางได้แบบเข้าขารู้ใจกันเป็นอย่างมาก ขณะที่แนวรุกได้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เข้ามาช่วยยิงประตูได้แบบเป็นกอบเป็นกำเพื่อทดแทนการจากไปของ เมสซี่ ได้เป็นอย่างดี แม้จะถูกปรามาสว่าแก่เกินไปเสียแล้ว เพราะมีอายุมากถึง 34 ปีแล้วนั่นเอง แต่ตอนนี้ได้ฝากสอยตาข่ายแตะหลัก 20 ประตูจากการลงเล่นในทุกรายการ และนำเป็นดาวซัลโวของศึกลาลีกาอีกต่างหาก ส่วนในรายของ อุสมาน เดมเบเล่ สลัดอาการบาดเจ็บที่เคยตามราวีอยู่บ่อยๆ ได้แล้ว จึงสามารถงัดฟอร์มเก่งออกมาโชว์จากการจ่ายบอลให้เพื่อนร่วมทีมยิงประตูได้หลายแอสซิสต์เลยด้วย
เพราะสามารถมูฟออนจาก เมสซี่ ซึ่งได้ย้ายไปเป็นตัวหลักในแนวรุกของ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ตั้งแต่เมื่อช่วงฤดูกาลที่แล้ว ทำให้ บาร์เซโลน่า พร้อมหวนกลับคืนสู่เส้นทางลุ้นความสำเร็จในช่วงซีซั่นนี้กันต่อไป หลังจากที่คว้าแชมป์ซูเปอร์โคปา เดอ เอสปันญ่า มาได้แล้วหนึ่งรายการ และพร้อมกับมาตามล่าความสำเร็จบนสังเวียนแข้งกันต่อไป
บทความนี้นับสนุนโดย Siam99 เว็บคาสิโนออนไลน์ที่นึ่งในประเทศไทย