“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล พร้อมให้พวกแข้งหลักที่ไม่ได้ไปเล่นฟุตบอลโลก 2022 ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง จึงน่าจะได้เห็น โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ยืนค้ำแนวรุกให้ทีมแชมป์เก่านัดเยือน “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พร้อมนำทัพโดย เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ดาวยิงตัวเก่งในศึกฟุตบอลคาราบาว คัพ รอบ 4 หรือรอบ 16 ทีมสุดท้าย คืนวันที่ 22 ธ.ค.นี้

คาราบาว คัพ รอบ 4
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ VS ลิเวอร์พูล
สนาม : อิติฮัด สเตเดี้ยม
เวลา : 03.00 น.
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ผลงาน 5 เกมหลังสุดในศึกพรีเมียร์ลีก
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ เซาแธมป์ตัน 4-0 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ ลิเวอร์พูล 0-1 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ เลสเตอร์ 1-0 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ ฟูแล่ม 2-1 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ เบรนท์ฟอร์ด 1-2 (เหย้า)
คาดว่ากุนซือ “เป๊ป” โจเซฟ กวาร์ดิโอล่า จะปรับทัพจากเกมล่าสุดที่เอาชนะ คิโรน่า 2-0 ในนัดอุ่นแข้ง เพื่อให้พวกแข้งหลักที่ไปรับใช้บ้านเกิดในศึกฟุตบอลโลก 2022 แต่ตกรอบแรกได้กลับมาออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ส่วนพวกที่ผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์จะได้พักไปก่อน และพร้อมเปิดโอกาสให้พวกแข้งดาวรุ่งลงเล่นในตำแหน่งเหมือนอย่างเกมรอบ 3 ที่เปิดบ้านเอาชนะ เชลซี 2-0 ด้วยเช่นกัน
11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 4-2-3-1
สเตฟาน ออร์เตก้า, จาเดล คาตองโก้, เชีย ชาร์ลส์, เซร์จิโอ โกเมซ, ริโก้ ลูอิส, อิลคาย กุนโดกาน, โคล พัลเมอร์, เควิน เดอ บรอยน์, มอร์แกน โรเจอร์ส, ริยาด มาห์เรซ, เออร์ลิ่ง ฮาลันด์
ผู้รักษาประตู : พร้อมให้มือสอง นั่นก็คือ สเตฟาน ออร์เตก้า ยืนเฝ้าเสาเป็นตัวจริงไปก่อน เพราะว่าน่าจะให้ เอแดร์ซอน โมราเอส นายด่านมือหนึ่งได้พักในช่วงหลังไปรับใช้บ้านเกิดในศึกฟุตบอลโลก 2022 ส่วนในรายของ สกอตต์ คาร์สัน พร้อมสแตนบายอยู่ที่ข้างสนามเหมือนเดิม
แนวรับ : ไม่น่าจะได้เห็น อายเมริก ลาปอร์ก, รูเบน ดิอาส, มานูเอล อคานยี่, เจา คันเซโล่, จอห์น สโตนส์ รวมถึง นาธาน อาเก้ มีส่วนร่วมทีมในนัดนี้ เพราะว่าน่าจะได้พักต่อในช่วงหลังเสร็จสิ้นภาระกิจรับใช้บ้านเกิด จึงน่าจะให้ 2 กองหลังดาวรุ่ง นั่นก็คือ จาเดล คาตองโก้ กับ เชีย ชาร์ลส์ ยืนเป็นกองหลังคู่กันเหมือนอย่างเกมอุ่นแข้งนัดล่าสุด ส่วนแบ็กซ้ายน่าจะเป็นการสวมบทบาทของ เซร์จิโอ โกเมซ โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ ริโก้ ลูอิส ในตำแหน่งแบ็กขวา
แดนกลาง : ส่อให้ อิลคาย กุนโดกาน กับ โคล พัลเมอร์ ยืนเป็นคู่มิดฟิลด์ตัวตัดเกมเหมือนอย่างเกมอุ่นแข้งนัดล่าสุด ส่วนในรายของ โรดรี้, คัลวิน ฟิลลิปส์ รวมถึง แบร์นาร์โด้ ซิลวา ไม่น่าจะมีส่วนร่วมกับทีมในเกมนี้ เพราะน่าจะได้พักในช่วงหลังผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ฟุตบอลโลก 2022 นั่นเอง
แนวรุก : พร้อมให้ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ดาวยิงตัวเก่งออกสตาร์ทเป็นตัวจริงได้เลย เพราะไม่มีภาระกิจที่ต้องไปรับใช้บ้านเกิดแต่อย่างใด เช่นเดียวกับ ริยาด มาห์เรซ พร้อมลงไปสวมบทเป็นปีกขวา โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ มอร์แกน โรเจอร์ส ในตำแหน่งปีกซ้าย และพร้อมวาง เควิน เดอ บรอยน์ สวมบทเป็นเพลย์เมกเกอร์ในฐานะตัวปั้นเกมด้วยเช่นกัน ขณะที่ แจ็ค กรีลิช, ฟิล โฟเด้น รวมถึง ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ไม่น่าจะมีส่วนร่วมกับเกมนี้อย่างแน่นอน
ลิเวอร์พูล
ผลงาน 5 เกมหลังสุดในศึกพรีเมียร์ลีก
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ เวสต์แฮม 1-0 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 0-1 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ ลีดส์ ยูไนเต็ด 1-2 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ 2-1 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ เซาแธมป์ตัน 3-1 (เยือน)
คาดว่ากุนซือ เจอร์เกน คลอปป์ จะปรับทัพจากเกมล่าสุดที่ไล่ต้อน เอซี มิลาน 4-1 ในเกมอุ่นแข้งที่ดูไบ แม้จะตั้งท่าพร้อมให้พวกแข้งหลักที่ไปรับใช้บ้านเกิดในศึกฟุตบอลโลก 2022 จนถึงรอบน็อคเอาท์ได้พักไปก่อน แต่จะไม่ส่งผลกระทบต่อจากจัดทัพของทีมแชมป์เก่าในรายการนี้จากเมื่อฤดูกาลก่อนอย่างแน่นอน เพราะว่าพกแข้งหลักที่ไม่ได้ภาระกิจรับใช้ชาติยังคงพร้อมสนามทั้งหมดเลย
11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 4-2-3-1
ควีวิน เคลเลเฮอร์, โจ โกเมซ, โจเอล มาติป, สเตฟาน บาจเซติช, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, เจมส์ มิลเนอร์, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, ฮาร์วี่ย์ เอลเลียต, ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่, โรแบร์โต้ ฟิร์มีโน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์
ผู้รักษาประตู : เตรียมให้ อลิสซอน เบ็คเกอร์ ได้พักในช่วงหลังรับใช้บ้านเกิดในศึกฟุตบอลโลก 2022 จนถึงรอบน็อคเอาท์ไปก่อน เพื่อให้ ควีวิน เคลเลเฮอร์ นายทวารมือสองได้ลงไปยืนเฝ้าเสาเหมือนอย่างที่ได้ลงเล่นในรายการนี้เป็นประจำอยู่แล้ว ส่วนในรายของ อาเดรียน เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองได้เลย
แนวรับ : ไม่น่าจะให้พวกแข้งหลักที่ไปรับใช้บ้านเกิด นั่นก็คือ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, อิบราฮิม่า โกนาเต้ และ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ได้ลงสนาม เพราน่าจะให้ โจ โกเมซ ยืนเป็นกองหลังคู่กับ โจเอล มาติป ส่วนแบ็กซ้ายเป็นหน้าที่ของ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน โดยจะยืนอยู่คนละฝั่งกับ สเตฟาน บาจเซติช ในตำแหน่งแบ็กขวา โดยมี คอนสแตนตินอส ชิมิกาส กับ นาธาเนี่ยล ฟิลลิปส์ เป็นตัวสแตนบายอยู่ที่ข้างสนามไปก่อน
แดนกลาง : ส่อให้ เจมส์ มิลเนอร์ กับ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ยืนเป็นตัวคุมเกมร่วมกัน ทำให้ นาบี้ เกอิต้า และ ติอาโก้ อัลคานทาร่า เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองอยู่ที่ข้างสนาม ส่วนในรายของ ฟาบินโญ่ รวมถึง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ยังคงได้พักในช่วงหลังเสร็จสิ้นภาระกิจรับใช้บ้านเกิด
แนวรุก : หมดสิทธิ์ใช้งาน หลุยส์ ดิอาซ ได้รับบาดเจ็บ แต่น่าจะขยับ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียต สวมบทเป็นปีกซ้าย โดยจะยืนอยู่คนละฝั่งกับ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ ซึ่งน่าจะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในตำแหน่งปีกขวา และพร้อมวาง โรแบร์โต้ ฟิร์มีโน่ สวมบทเป็นเพลย์เมกเกอร์ในฐานะตัวปั้นเกมอยู่ด้านหลังของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ส่อได้ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้าไปเลย ส่วน ดาร์วิน นูนเญซ เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองค่อนข้างแน่
สถิติการพบกันเอง
สำหรับคู่นี้เคยดวลแข้งกันในทุกรายการมาแล้วทั้งหมด 175 เกม ปรากฎว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีสถิติเป็นรองอยู่พอสมควร โดยเป็นฝ่ายชนะ 47 เกม เสมอ 45 เกม และแพ้ 83 เกม ส่วนผลการพบกันนัดล่าสุดในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2022 ปรากฎว่า ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายเปิดบ้านชนะ 1-0 สำหรับผลการพบกันนัดล่าสุดในบ้านของ “เรือใบสีฟ้า” ในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2022 ปรากฎว่า “หงส์แดง” บุกไปยันเสมอ 2-2
สถิติที่เคยพบกัน 5 เกมหลังสุด
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2021 : ลิเวอร์พูล เสมอ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-2
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2022 : แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เสมอ ลิเวอร์พูล 2-2
เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ ปี 2022 : แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แพ้ ลิเวอร์พูล 2-3
คอมมูนิตี้ ชิลด์ ปี 2022 : ลิเวอร์พูล ชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-1
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2022 : ลิเวอร์พูล ชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0
ความน่าจะเป็น
แม้จะมีดีกรีเป็นถึงแชมป์เก่าจากเมื่อฤดูกาลที่แล้ว แต่ ลิเวอร์พูล ต้องเจอศึกหนักอย่างแน่นอน เพราะจะต้องบุกไปเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งเก่งในบ้านอยู่แล้วด้วย คาดว่า “เรือใบสีฟ้า” น่าจะเป็นฝ่ายเฉือนชนะ “หงส์แดง” ได้สำเร็จ
ผลที่คาด : แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะ ลิเวอร์พูล 2-1
บทความนี้นับสนุนโดย Siam99 เว็บคาสิโนออนไลน์ที่นึ่งในประเทศไทย
บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวิเคราะห์ฟุตบอล และ EPL