ยูโร 2024 รอบคัดเลือก กลุ่ม ซี
อิตาลี VS อังกฤษ
สนาม : สตาดิโอ ดิเอโก้ อาร์มันโด้ มาราโดน่า
เวลา : 02.45 น.
อิตาลี
ผลงาน 5 เกมหลังสุด
ยูฟ่า เนชั่นส์ลีก กลุ่ม 3 : แพ้ เยอรมนี 2-5 (เยือน)
ยูฟ่า เนชั่นส์ลีก กลุ่ม 3 : ชนะ อังกฤษ 1-0 (เหย้า)
ยูฟ่า เนชั่นส์ลีก กลุ่ม 3 : ชนะ ฮังการี 2-0 (เยือน)
นัดกระชับมิตร : ชนะ แอลเบเนีย 3-1 (เยือน)
นัดกระชับมิตร : แพ้ ออสเตรีย 0-2 (เยือน)
คาดว่ากุนซือ โรแบร์โต้ มันชินี่ จะปรับทัพหลายตำแหน่ง เพื่อลุ้นเก็บชัยในเกมประเดิมสนามรอบคัดเลือกให้สมศักดิ์ศรีแชมป์เก่านั่นเอง และแก้ตัวจากความผิดหวังที่ต้องชวดไปโชว์ฝีเท้าในศึกฟุตบอลโลก 2022 อีกต่างหาก จึงพร้อมให้พวกแข้งหลักลงสนามหลายคนเลย และน่าจะให้พวกนักเตะสายเลือดใหม่ลงเล่นในบางตำแหน่งด้วยเช่นกัน
11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 4-3-3
จานลุยจิ ดอนนารุมม่า, ฟรานเชสโก้ อาแชร์บี้, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่, โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่, เฟเดริโก้ ดิมาร์โก, นิโกโล่ บาเรลล่า, มาร์โก แวร์รัตติ, จอร์จินโญ่, วินเชนโซ่ กริโฟ่, เอ็นริโก้ เคียซ่า, อันเดรีย กอมปาโญ่
ผู้รักษาประตู : พร้อมให้ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ยืนเฝ้าเสาเป็นตัวจริงแน่นอน เพราะได้รับความไว้วางใจให้สวมบทเป็นมือหนึ่งอยู่แล้ว ส่วนในรายของ อเล็กซ์ เมเร็ต น่าจะได้ทำหน้าที่เป็นมือสอง และเตรียมได้เห็น อีวาน โปรเวเดล รวมถึง กูเยลโม่ วิคาริโอ นั่งเป็นตัวสแตนบายอยู่ที่ข้างสนามอย่างแน่นอน
แนวรับ : รอเช็กสภาพความฟิตของ อเลสซานโดร บาสโตนี่ แต่น่าจะให้ ฟรานเชสโก้ อาแชร์บี้ ลงไปยืนเป็นกองหลังคู่กับ เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ ส่วนแบ็กซ้ายน่าจะให้ เฟเดริโก้ ดิมาร์โก ลงไปยืนประจำการ โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่ ซึ่งน่าจะได้ยืนปักหลักในตำแหน่งแบ็กขวา ขณะที่ เอแมร์ซอน พัลมิเอรี่, เฟเดริโก้ กัตติ, หลุยซ์ เฟลิเป้, ปาสกวาเล่ มัซซ็อคคี่ รวมถึง ราฟาเอล โตลอย เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองอยู่ที่ข้างสนามทั้งหมดเลย
แดนกลาง : เตรียมได้เห็น มาร์โก แวร์รัตติ ยืนเป็นตัวหลักในแผงมิดฟิลด์ และน่าจะให้ จอร์จินโญ่ รวมถึง นิโกโล่ บาเรลล่า ลงไปช่วยคุมเกมด้วยเช่นกัน ส่วนในรายของ ไบรอัน คริสตานเต้, ลอเรนโซ่ เปเยกรินี่, ตอมมาโซ่ โปเบก้า และ ซานโดร โตนาลี่ ซึ่งเป็นพวกนักเตะสายเลือดใหม่เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองค่อนข้างแน่
แนวรุก : ส่อให้โอกาส อันเดรีย กอมปาโญ่ กองหน้าคนใหญ่ลงประเดิมสนามรับใช้บ้านเกิดเป็นนัดแรก เพราะโชว์ฟอร์มสอยตาข่ายให้กับ สเตอัว บูคาเรสต์ ในฤดูกาลนี้ได้แบบน่าประทับใจ และนำเป็นดาวซัลโวลีกสูงสุดของโรมาเนียอยู่แล้ว ส่วนปีกซ้ายน่าจะให้ วินเชนโซ่ กริโฟ่ ลงไปยืนประจำการ โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ เอ็นริโก้ เคียซ่า ซึ่งพร้อมกลับมาทำหน้าที่เป็นปีกขวา เพราะกลับมาฟิตสมบูรณ์ในช่วงหลังหายจากอาการบาดเจ็บเรียบร้อยแล้ว จึงน่าจะได้เห็น มัตเตโอ คันเชลเลียรี่, วิลฟรีด ญอนโต้, มัตเตโอ โปลิตาโน่, จาโคโม่ ราสปาโดรี่, จานลูก้า สคามัคก้า รวมถึง อเลสซิโอ แซร์บิน รอคอยโอกาสลงสนามเป็นตัวจริงไปก่อน
อังกฤษ
ผลงาน 5 เกมหลังสุด
ฟุตบอลโลก 2022 รอบแรก : ชนะ อิหร่าน 6-2 (สนามกลาง)
ฟุตบอลโลก 2022 รอบแรก : เสมอ สหรัฐอเมริกา 0-0 (สนามกลาง)
ฟุตบอลโลก 2022 รอบแรก : ชนะ เวลส์ 3-0 (สนามกลาง)
ฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีมสุดท้าย : ชนะ เซเนกัล 3-0 (สนามกลาง)
ฟุตบอลโลก 2022 รอบ 8 ทีมสุดท้าย : แพ้ ฝรั่งเศส 1-2 (สนามกลาง)
คาดว่ากุนซือ แกเรธ เซาธ์เกต จะปรับทัพบางตำแหน่ง แต่น่าจะยึดผู้เล่นจากทีมชุดที่ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายในศึกฟุตบอลโลก 2022 เพราะเรียกตัวพวกแข้งหลักหน้าเดิมๆ เข้ามารับใช้บ้านเกิดหลายคนเลย
11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 4-3-3
จอร์แดน พิคฟอร์ด, เอริค ไดเออร์, แฮร์รี แม็คไกวร์, ลุค ชอว์, คีแรน ทริปเปียร์, จูด เบลลิงแฮม, ดีแคลน ไรซ์, เมสัน เมาท์, บูกาโย ซากา, ฟิล โฟเด้น, แฮร์รี เคน
ผู้รักษาประตู : ยังคงเป็นหน้าที่ของ จอร์แดน พิคฟอร์ด พร้อมสวมบทเป็นมือหนึ่งเพื่อลงไปยืนเฝ้าเสาตามเดิม ส่วนในรายของ นิค โป๊ป น่าจะถูกวางตัวเป็นมือหนึ่งเหนือกว่า อารอน แรมสเดล ซึ่งเตรียมนั่งเป็นตัวสำรองในฐานะมือ 3 นั่นเอง
แนวรับ : น่าจะให้ เอริค ไดเออร์ ลงไปยืนเป็นกองหลังคู่กับ แฮร์รี แม็คไกวร์ ซึ่งยังคงเป็นตัวหลักในเกมทีมชาติ แม้จะกลายเป็นตัวสำรองในยามลงเล่นเกมระดับสโมสรก็ตาม ส่วนแบ็กซ้ายน่าจะให้ ลุค ชอว์ ลงไปยืนประจำการ โดยจะยืนอยู่คนฝั่งกับ คีแรน ทริปเปียร์ ในตำแหน่งแบ็กขวานั่นเอง จึงน่าจะได้เห็น เบน ชิลเวลล์, มาร์ค เกฮี, รีซ เจมส์, จอห์น สโตนส์ และ ไคล์ วอลเกอร์ นั่งเป็นตัวสำรองทั้งหมดเลย
แดนกลาง : ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดพร้อมให้ จูด เบลลิงแฮม กับ ดีแคลน ไรซ์ เป็นแกนหลักในแผงมิดฟิลด์ และน่าจะให้ เมสัน เมาท์ ลงไปช่วยยืนคุมเกมด้วยเช่นกัน แม้จะกลายเป็นตัวสำรองของทีมต้นสังกัดในช่วงหลังจากที่ยังไม่ยอมต่อสัญญาฉบับใหม่ไปแล้วก็ตาม ส่วนในรายของ คอเนอร์ กัลลาเกอร์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เจมส์ แมดดิสัน และ คัลวิน ฟิลลิปส์ ไม่น่าจะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง
แนวรุก : พร้อมให้ แฮร์รี่ เคน ลงไปยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า ส่วนปีกซ้ายเตรียมได้เห็น บูกาโย ซากา ลงไปยืนประจำการ เนื่องจาก ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ได้รับบาดเจ็บนั่นเอง โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ ฟิล โฟเด้น ในตำแหน่งปีกขวา ขณะที่ แจ็ค กรีลิช, มาร์คัส แรชฟอร์ด และ อีวาน โทนีย์ เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองอยู่ที่ข้างสนามไปก่อน
สถิติการพบกันเอง
สำหรับคู่นี้เคยดวลแข้งกันในทุกรายการมาแล้วทั้งหมด 30 เกม ปรากฎว่า อิตาลี มีสถิติเหนือกว่าพอสมควร โดยเป็นฝ่ายชนะ 13 เกม เสมอ 9 เกม และแพ้ 8 เกม ส่วนผลการพบกันนัดล่าสุดในศึกยูฟ่า เนชั่นส์ลีก กลุ่ม 3 เมื่อปี 2022 ปรากฎว่า “อัซซูรี” เปิดบ้านเฉือนชนะ 1-0 สำหรับผลการพบกันในสนามแห่งนี้นัดล่าสุดเกิดขึ้นในศึกยูฟ่า เนชั่นส์ลีก กลุ่ม 3 เมื่อปี 2022 ปรากฎว่า อังกฤา บุกไปแพ้ 0-1
สถิติที่เคยพบกัน 5 เกมหลังสุด
นัดกระชับมิตร ปี 2015 : อิตาลี เสมอ อังกฤษ 1-1
นัดกระชับมิตร ปี 2018 : อังกฤษ เสมอ อิตาลี 1-1
ยูโร 2020 รอบชิงชนะเลิศ ปี 2021 : อิตาลี เสมอ อังกฤษ 1-1 (อิตาลี ชนะดวลจุโทษ)
ยูฟ่า เนชั่นส์ลีก กลุ่ม 3 ปี 2022 : อังกฤษ เสมอ อิตาลี 1-1
ยูฟ่า เนชั่นส์ลีก กลุ่ม 3 ปี 2022 : อิตาลี ชนะ อังกฤษ 1-0
ความน่าจะเป็น
ยังคงอยู่ในช่วงเปลี่ยนถ่ายสายเลือดใหม่ ทำให้ อิตาลี อาจจะยังดูไม่ลงตัวเสียเท่าไรนัก แต่ว่าพวกนักเตะจอมเก๋ายังคงพร้อมประคับประคองผู้เล่นรุ่นน้องกันต่อไป ส่วน อังกฤษ ยึดผู้เล่นจากชุดที่ไปลุยในศึกฟุตบอลโลก 2022 เอาไว้เหมือนเดิม แม้ว่า “สิงโตคำราม” จะดูดีกว่า แต่ “อัซซูรี่” ยังคงเป็นทีมเขี้ยวแบบแพ้ยากอยู่เหมือนกัน และไม่อยากแพ้คาบ้านอยู่แล้ว จึงมีโอกาสลงเอยด้วยผลเสมอได้เหมือนกัน
ผลที่คาด : อิตาลี เสมอ อังกฤษ 1-1
บทความนี้นับสนุนโดย Siam99 เว็บคาสิโนออนไลน์ที่นึ่งในประเทศไทย