“ฝอยทอง” โปรตุเกส ส่อเลือก กอนซาโล่ รามอส ผู้ยิงแฮตทริกจากนัดก่อนยืนเป็นกองหน้าเหนือกว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ นัดดวลแข้งกับ โมร็อคโก นำทัพโดย ฮาคิม ซีเย็ค ในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบ 8 ทีมสุดท้าย คืนวันที่ 10 ธ.ค.นี้

ฟุตบอลโลก 2022 รอบ 8 ทีมสุดท้าย
โมร็อคโก VS โปรตุเกส
สนาม : อัล ธูมาม่า สเตเดี้ยม
เวลา : 22.00 น.
โมร็อคโก
ผลงาน 5 เกมหลังสุด
ฟุตบอลนัดกระชับมิตร : ชนะ จอร์เจีย 3-0 (สนามกลาง)
ฟุตบอลโลก 2022 รอบแรก นัดแรก กลุ่ม เอฟ : เสมอ โครเอเชีย 0-0 (สนามกลาง)
ฟุตบอลโลก 2022 รอบแรก นัดที่ 2 กลุ่ม เอฟ : ชนะ เบลเยี่ยม 2-0 (สนามกลาง)
ฟุตบอลโลก 2022 รอบแรก นัดสุดท้าย กลุ่ม เอฟ : ชนะ แคนาดา 2-1 (สนามกลาง)
ฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีมสุดท้าย : เสมอ สเปน 0-0 (สนามกลาง) – โมร็อคโก เป็นฝ่ายชนะช่วงดวลจุดโทษตัดสิน 3-0
คาดว่ากุนซือ วาลิด เรกรากี จะปรับทัพจากเกมล่าสุดที่เฉือนชนะ สเปน ช่วงดวลจุดโทษตัดสินในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีมสุดท้าย หลังจากที่ต้องเล่นกันแบบยึดเยื้อจนถึงช่วงต่อเวลาพิเศษครบ 120 นาที เพื่อลุ้นเก็บชัยผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศเป็นครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์ และไร้พ่ายจากการลงเล่นในทุกรายการมาแล้วถึง 9 เกมเลยด้วย หรือนับตั้งแต่ เรกรากี เข้ามารับงานคุมทีมเมื่อช่วงกลางปีนี้นั่นเอง
11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 4-3-3
ยาสซีน โบโน, โรแม็ง ซาอิสส์, นาเยฟ อาเกิร์ด, นูสแซร์ มาซราอุย, อัชราฟ ฮาคิมี่, อัซเซดีน ฮูนาไฮ, ซอฟยาน อัมราบัต, อับเดลฮามิด ซาบิรี่, โซฟิยาน บูฟาล, ยูสเซฟ เอ็น-เนเซรี่, ฮาคิม ซีเย็ค
ผู้รักษาประตู : เตรียมให้ ยาสซีน โบโน ยืนเฝ้าเสาตั้งแต่นาทีแรกไปเลย เพราะยังคงได้รับความไว้วางใจให้สวมบทเป็นมือหนึ่ง และโชว์ฟอร์มเหนียวหนึบจากการเซฟจุดโทษในช่วงดวลเป้าตัดสินนัดเฉือนชนะ สเปน ได้ถึง 2 ลูก ทำให้ มูเนียร์ โมฮาเมดี้ รวมถึง อาห์เหม็ด ทักนาอูติ เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองอยู่ที่ข้างสนามเพื่อรอโอกาสกันไปก่อน
แนวรับ : รอเช็กสภาพความฟิตของ โรแม็ง ซาอิสส์ กับ นาเยฟ อาเกิร์ด มีอาการบาดเจ็บติดตัวจากนัดที่แล้ว แต่คาดว่าทั้งคู่น่าจะกลับมายืนคุมแเดนหลังร่วมกันได้ตามเดิม ส่วนแบ็กซ้ายยังคงเป็นหน้าที่ของ นูสแซร์ มาซราอุย โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ อัชราฟ ฮาคิมี่ ในตำแหน่งแบ็กขวา ทำให้ จาวาด เอล ยามิค, อาชราฟ ดารี่, บาดร์ บาโนน รวมถึง ยาเฮีย อัตติยัต อัลลาห์ ต้องเป็นตัวสแตนบายอยู่ที่ข้างสนามทั้งหมดเลย
แดนกลาง : เตรียมเป็นหน้าที่ของ 3 ประสาน นั่นก็คือ อัซเซดีน ฮูนาไฮ, อับเดลฮามิด ซาบิรี่ และ โซฟียาน อัมราบัต ลงไปยืนคุมเกมร่วมกันทั้งหมดเลย ส่วนในรายของ เซลิม อมาลลาห์, อิลิยาส แชร์ ยาห์ยา ยาบราน, อนาสส์ ซารูรี่ และ บิลาล เอล คานนูส ยังคงเป็นตัวเลือกในอันดับรองลงมาทั้งหมดเลย จึงต้องนั่งเป็นตัวสำรองอยู่ที่ข้างสนามเหมือนอย่างนัดที่แล้ว
แนวรุก : ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงไปจาก 3 ประสาน โดยพร้อมให้ โซฟียาน บูฟาล สวมบทเป็นปีกซ้าย ซึ่งจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ ฮาคิม ซีเย็ค ในตำแหน่งปีกขวา และวาง ยูสเซฟ เอ็น-เนเซรี่ ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า ทำให้ อับเดอร์ราซัก ฮามดาลลาห์, ซากาเรีย อบูคลาล, อับเด เอซซาลซูลี่ และ วาลิด เชดดิร่า เตรียมเป็นตัวสแตนบายอยู่ที่ข้างสนามตามเดิม
โปรตุเกส
ผลงาน 5 เกมหลังสุด
ฟุตบอลนัดกระชับมิตร : ชนะ ไนจีเรีย 4-0 (เหย้า)
ฟุตบอลโลก 2022 รอบแรก นัดแรก กลุ่ม เอช : ชนะ กาน่า 3-2 (สนามกลาง)
ฟุตบอลโลก 2022 รอบแรก นัดที่ 2 กลุ่ม เอช : ชนะ อุรุกวัย 2-0 (สนามกลาง)
ฟุตบอลโลก 2022 รอบแรก นัดสุดท้าย กลุ่ม เอช : แพ้ เกาหลีใต้ 1-2 (สนามกลาง)
ฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีมสุดท้าย : ชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 6-1 (สนามกลาง)
คาดว่ากุนซือ แฟร์นันโด้ ซานโต๊ส จะปรับทัพจากเกมล่าสุดที่ไล่ถล่ม สวิตเซอร์แลนด์ 6-1 ในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีมสุดท้าย เพื่อลุ้นเก็บชัยผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศกันต่อไป แม้จะหมดสิทธิ์ใช้งาน 2 นักเตะในแนวรับ แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดทีมอย่างแน่นอน เพราะยังใช้งานพวกแข้งหลักรายอื่นๆ ได้เกือบทั้งหมด
11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 4-3-3
ดิโอโก้ คอสต้า, รูเบน ดิอาส, เปเป้, ราฟาเอล เกร์เรโร่, เจา คันเซโล่, โอตาวิโอ, วิลเลียม คาร์วัลโญ่, แบร์นาโด้ ซิลวา, บรูโน่ แฟร์นันเดส, เจา เฟลิกซ์, กอนซาโล่ รามอส
ผู้รักษาประตู : ไม่เปลี่ยนแปลงไปจาก ดิโอโก้ คอสต้า ซึ่งพร้อมลงไปยืนเฝ้าเสาเป็นตัวจริงตามเดิม เพราะได้รับความไว้วางใจให้สวมบทเป็นมือหนึ่งอยู่แล้ว ส่วนในรายของ รุย ปาทริซิโอ รวมถึง โชเซ่ ซา เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองให้ตำแหน่งนี้เหมือนอย่างนัดก่อน
แนวรับ : ขาดหายไป 2 คน นั่นก็คือ ดานิโล่ เปไรร่า กับ นูโน เมนเดส เพราะได้รับบาดเจ็บจนต้องขอถอนตัวออกไปรักษาตัวเรียบร้อยแล้ว และยังต้องรอเช็กสภาพความฟิตของ รูเบน ดิอาส กองหลังตัวหลักมีปัญหาบาดเจ็บ แต่น่าจะฟิตกลับมายืนคู่กับ เปเป้ ได้ตามเดิม ส่วนแบ็กซ้ายยังคงเป็นหน้าที่ของ ราฟาเอล เกร์เรโร่ โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ เจา คันเซโล่ ในตำแหน่งแบ็กขวา ทำให้ ดิโอโก้ ดาโลต์ ต้องนั่งเป็นตัวสำรองในตำแหน่งนี้ไปก่อน เช่นเดียวกับ อันโตนิโอ ซิลวา เตรียมเป็นตัวสแตนบายอยู่ที่ข้างสนามไปเลย
แดนกลาง : น่าจะยึด 3 ประสานจากนัดที่แล้ว นั่นก็คือ โอตาวิโอ, วิลเลียม คาร์วัลโญ่ และ แบร์นาโด้ ซิลวา เพราะทำผลงานได้แบบเข้าขารู้ใจกันเป็นอย่างดี ทำให้ รูเบน เนเวส เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองเพื่อรอโอกาสไปก่อน เช่นเดียวกับ เจา มาริโอ, เจา ปาลินญ่า, มาเธอุส นูเนส และ วิตินญ่า ไม่น่าจะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง
แนวรุก : ส่อดร็อป คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นตัวสำรองเหมือนอย่างนัดก่อน เพราะน่าจะให้ กอนซาโล่ รามอส สวมบทเป็นกองหน้าตั้งแต่นาทีแรก เพราะทำผลงานในนัดที่แล้วได้แบบน่าประทับใจสุดๆ จากการซัดแฮตทริกเหมาคนเดียว 3 ประตูนั่นเอง ส่วนในรายของ บรูโน่ แฟร์นันเดส เตรียมสวมบทเป็นตัวริมเส้นฝั่งขวา โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ เจา เฟลิกซ์ ในตำแหน่งปีกซ้าย ทำให้ ราฟาเอล เลเอา, อังเดร ซิลวา รวมถึง ริคาร์โด้ ฮอร์ต้า เตรียมเป็นตัวสแตนบายอยู่ที่ข้างสนามทั้งหมด
สถิติการพบกันเอง
สำหรับคู่นี้เคยดวลแข้งกันในทุกรายการมาแล้วทั้งหมด 2 เกม ปรากฎว่าผลัดกันชนะ และแพ้ทีมละหนึ่งเกม ส่วนผลการพบกันในศึกฟุตบอลโลกครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในรอบแรกเมื่อปี 2018 ปรากฎว่า โปรตุเกส เป็นฝ่ายชนะ 1-0
สถิติที่เคยพบกัน 5 เกมหลังสุด
ฟุตบอลโลก 1986 รอบแรก ปี 1986 : โปรตุเกส แพ้ โมร็อคโก 1-3
ฟุตบอลโลก 2018 รอบแรก ปี 2018 : โปรตุเกส ชนะ โมร็อคโก 1-0
ความน่าจะเป็น
ตบเท้าผ่านเข้าสู่รอบนี้มาได้แบบสุดเซอร์ไพรส์เลย สำหรับ โมร็อคโก ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องของทีมเวิร์ก และมีระเบียบวินัยในการเล่นสูงมากๆ เลยด้วย ส่วน โปรตุเกส ตามหาตัวทีเด็ดเพิ่มได้อีกหนึ่งราย นั่นก็คือ กอนซาโล่ รามอส ซึ่งซัดแฮตทริกเหมาคนเดียว 3 ประตูได้จากรอบที่แล้ว คาดว่า โปรตุเกส มีตัวพลิกแพลงเกมได้มากกว่า จึงน่าจะเป็นฝ่ายเก็บชัยได้แบบหืดจับ
ผลที่คาด : โปรตุเกส ชนะ โมร็อคโก 1-0
บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟุตบอลโลก 2022
บทความนี้นับสนุนโดย Siam99 เว็บคาสิโนออนไลน์ที่นึ่งในประเทศไทย