วิเคราะห์ฟุตบอล นัดชิงแชมเปี้ยนส์ลีก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ VS อินเตอร์ มิลาน

วิเคราะห์ฟุตบอล นัดชิงแชมเปี้ยนส์ลีก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ VS อินเตอร์ มิลาน

“เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ส่อปรับแนวรุกให้ ริยาด มาห์เรซ กลับมาสวมบทเป็นตัวริมเส้นนัดดวลแข้งกับ “งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน พร้อมให่ เอดิน เชโก้ ลงไปยืนเป้นกองหน้าคู่กับ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ในศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบชิงชนะเลิศ คืนวันที่ 10 มิ.ย.นี้ 

ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบชิงชนะเลิศ

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ VS อินเตอร์ มิลาน

สนาม : อตาเติร์ก โอลิมปิก สเตเดี้ยม

เวลา : 02.00 น.

แมนเชสเตอร์ ซิตี้

เส้นทางสู่รอบชิงชนะเลิศ

รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม จี

นัดแรก : ชนะ เซบีญ่า 4-0 (เยือน)

นัดที่ 2 : ชนะ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 2-1 (เหย้า)

นัดที่ 3 : ชนะ โคเปนฮาเกน 5-0 (เหย้า)

นัดที่ 4 : เสมอ โคเปนฮาเกน 0-0 (เยือน)

นัดที่ 5 : เสมอ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 0-0 (เยือน)

นัดที่ 6 : ชนะ เซบีญ่า 3-1 (เหย้า)

(แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผ่านเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม)

รอบ 16 ทีมสุดท้าย

นัดแรก : เสมอ แอร์เบ ไลป์ซิก 1-1 (เยือน)

นัดที่ 2 : ชนะ แอร์เบ ไลป์ซิก 7-0 (เหย้า)

(รวมผล 2 นัด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะ 8-1)

รอบ 8 ทีมสุดท้าย

นัดแรก : ชนะ บาเยิร์น มิวนิค 3-0 (เหย้า)

นัดที่ 2 : เสมอ บาเยิร์น มิวนิค 1-1 (เยือน)

(รวมผล 2 นัด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะ 4-1)

รอบรองชนะเลิศ

นัดแรก : เสมอ เรอัล มาดริด 1-1 (เยือน)

นัดที่ 2 : ชนะ เรอัล มาดริด 4-0 (เหย้า)

(รวมผล 2 นัด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะ 5-1)

คาดว่ากุนซือ “เป๊ป” โจเซฟ กวาร์ดิโอล่า จะปรับทัพบางตำแหน่ง เพื่อลุ้นเก็บชัยคว้าแชมป์รายการนี้เป็นครั้งแรกให้ได้เสียที และจะได้เข้าป้าย “ทริปเปิ้ลแชมป์” จากการกวาดแชมป์ในฤดูกาลนี้ได้ครบทั้ง 3 รายการไปเลย หลังจากที่ได้ชูถ้วยแชมป์มาแล้ว 2 รายการ นั่นก็คือ แชมป์พรีเมียร์ลีก และ แชมป์เอฟเอ คัพ นั่นเอง จึงพร้อมให้พวกแข้งหลักกลับมาลงสนามทั้งหมดเลย เพราะว่าแทบจะไม่มีปัญหานักเตะได้รับบาดเจ็บแม้แต่คนเดียว

11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 3-2-4-1

เอแดร์ซอน โมราเอส, รูเบน ดิอาส, มานูเอล อคานยี่, นาธาน อาเก้, โรดรี้, จอห์น สโตนส์, อิลคาย กุนโดกาน, เควิน เดอ บรอยน์, แจ็ค กรีลิช, ริยาด มาห์เรซ, เออร์ลิ่ง ฮาลันด์

ผู้รักษาประตู : เตรียมดร็อป สเตฟาน ออร์เตก้า ซึ่งได้ลงสนามในนัดชิงเอฟเอ ค้พ ให้กลับไปนั่งเป็นตัวสำรอง เพื่อให้ เอแดร์ซอน โมราเอส กลับมายืนเฝ้าเสาเป็นตัวจริงในฐานะมือหนึ่งเหมือนเดิม

แนวรับ : น่าจะให้ นาธาน อาเก้ กลับมาออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเพื่อประสานงานกับ รูเบน ดิอาส และ มานูเอล อคานยี่ ส่วนในรายของ อายเมริก ลาปอร์ก, ไคล์ วอล์คเกอร์, เซร์คิโอ โกเมซ รวมถึง ริโก้ เลวิส เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองไปก่อน

แดนกลาง : ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงไปจาก จอห์น สโตนส์ พร้อมให้ขยับจากกองหลังขึ้นไปยืนเป้นตัวคุมเกมในฐานะมิดฟิลด์ตัวรับคู่กับ  โรดรี้ ทำให้ คัลวิน ฟิลลิปส์ เตรียมนั่งอยู่ที่ข้างสนามเหมือนเดิม เช่นเดียวกับ โคล พาลเมอร์ ซึ่งไม่น่าจะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงอยู่แล้ว

แนวรุก : ส่อปรับแค่ตัวริมเส้นฝั่งขวา เพราะน่าดร็อป แบร์นาร์โด้ ซิลวา กลับไปนั่งเป็นตัวสำรอง เพื่อให้ ริยาด มาห์เรซ กลับมาออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในตำแหน่งนี้อีกครั้ง โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ แจ็ค กรีลิช ในตำแหน่งตัวริมเส้นฝั่งซ้ายเหมือนเดิม ส่วนตัวปั้นเกมเตรียมได้เห็น อิลคาย กุนโดกาน ประสานงานกับ เควิน เดอ บรอยน์ ค่อนข้างแน่ เช่นเดียวกับกองหน้าตัวเป้าไม่เปลี่ยนแปลงไปจาก เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ อยู่แล้ว ทำให้ ฟิล โฟเด้น เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองเพื่อรอโอกาสลงสนามกันต่อไป   

อินเตอร์ มิลาน

เส้นทางสู่รอบชิงชนะเลิศ

รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม ซี

นัดแรก : แพ้ บาเยิร์น มิวนิค 0-2 (เหย้า)

นัดที่ 2 : ชนะ วิคตอเรีย เปลเซ่น 2-0 (เยือน)

นัดที่ 3 : ชนะ บาร์เซโลน่า 1-0 (เหย้า)

นัดที่ 4 : เสมอ บาร์เซโลน่า 3-3 (เยือน)

นัดที่ 5 : ชนะ วิคตอเรีย เปลเซ่น 4-0 (เหย้า)

นัดที่ 6 : แพ้ บาเยิร์น มิวนิค 0-2 (เยือน)

(อินเตอร์ มิลาน ผ่านเข้ารอบในฐานะรองแชมป์กลุ่ม)

รอบ 16 ทีมสุดท้าย

นัดแรก : ชนะ ปอร์โต้ 1-0 (เหย้า)

นัดที่ 2 : เสมอ ปอร์โต้ 0-0 (เยือน)

(รวมผล 2 นัด อินเตอร์ มิลาน ชนะ 1-0)

รอบ 8 ทีมสุดท้าย

นัดแรก : ชนะ เบนฟิก้า 2-0 (เยือน)

นัดที่ 2 : เสมอ เบนฟิก้า 3-3 (เหย้า)

(รวมผล 2 นัด อินเตอร์ มิลาน ชนะ 5-3)

รอบรองชนะเลิศ

นัดแรก : ชนะ เอซี มิลาน 2-0 (เยือน)

นัดที่ 2 : ชนะ เอซี มิลาน 1-0 (เหย้า)

(รวมผล 2 นัด อินเตอร์ มิลาน ชนะ 3-0)

คาดว่ากุนซือ ซิโมเน่ อินซากี้ จะปรับทัพบางตำแหน่ง เพื่อลุ้นเก็บชัยแชมป์เจ้าสโมสรยุโรปเป็นสมัยที่ 4 หลังจากที่เคยได้แชมป์รายการนี้มาแล้วถึง 3 สมัยในปี 1964, 1965 รวมถึง 2010 นั่นเอง และจะได้เข้าป้าย “ดับเบิ้ลแชมป์” จากการคว้าแชมป์เป็นรายการที่ 2 ของฤดูกาลนี้ไปเลยด้วย เพราะว่าได้แชมป์โคปปา อิตาเลีย มาแล้วหนึ่งรายการ จึงพร้อมให้พวกแข้งหลักลงสนามทั้งหมดเลย เพราะว่าแทบจะไม่มีนักเตะได้รับบาดเจ็บ

11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 3-5-2

อังเดร โอนาน่า, ฟรานเชสโก้ อาแซร์บี้, อเลสซานโดร บาสโตนี่, ดานิโล่ ดามโบรซิโอ, เฟเดริโก้ ดิมาร์โก้, เดนเซล ดัมฟรีส์, มาร์เซโล่ โบรโซวิช, นิโกโล่ บาเรลล่า, ฮาคาน ชัลฮานโนกูล, เลาตาโร่ มาร์ติเนซ, เอดิน เชโก้

ผู้รักษาประตู : ไม่เปลี่ยนแปลงไปจาก อังเดร โอน่าน่า พร้อมสวมบทเป็นมือหนึ่งเพื่อยืนเฝ้าเสาเป็นตัวจริงอยู่แล้ว ส่วนในรายของมือสอง นั่นก็คือ ซาเมียร์ ฮานดาโนวิช เตรียมนั่งอยู่ที่ข้างสนามเหมือนเช่นเคย     

แนวรับ : รอเช็กฟิต มิลาน สคริเนียร์ เพิ่งหายเจ็บ และกลับมาฝึกซ้อมได้แล้ว แต่ไม่น่าจะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงไปตามสภาพร่างกายที่ไม่ฟิตสมบูรณ์ จึงน่าจะให้ ดานิโล่ ดามโบรซิโอ ลงไปยืนเป็นกองหลังร่วมกับ ฟรานเชสโก้ อาแซร์บี้ และ อเลสซานโดร บาสโตนี่ ทำให้ มัตเตโอ ดาร์เมียน, สเตฟาน เดอ ไฟร์จ, มัตเตีย ซาน็อตติ และ ราโอล เบลลาโนว่า เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองตามเดิม

แดนกลาง : พร้อมใช้งาน 3 ประสาน นั่นก็คือ นิโกโล่ บาเรลล่า, ฮาคาน ชัลฮานโนกูล และ มาร์เซโล่ โบรโซวิช เพราะเป็นแกนหลักในแผงมิดฟิลด์อยู่แล้ว ทำให้ เฮนริค มคิทาร์ยาน เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองไปก่อน เช่นเดียวกับ โรแบร์โต้ กวายาร์ดินี่ ส่วนวิงแบ็กฝั่งซ้ายพร้อมให้ เฟเดริโก้ ดิมาร์โก้ ลงไปยืนประจำการ โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ เดนเซล ดัมฟรีส์ ในตำแหน่งวิงแบ็กฝั่งขวา ทำให้ วาเลนติน คาร์โบนี่, โรบิน กูเซ่นส์ รวมถึง คริสติยัน อัสยานี่ ไม่น่าจะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงตั้งแต่นาทีแรก

แนวรุก : ไร้เงา โจอาควิน คอร์เรอา ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น และส่อให้ เอดิน เชโก้ ลงไปยืนเป้นกองหน้าคู่กับ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ส่วนในรายของ โรเมลู ลูกากู น่าจะต้องนั่งเป็นตัวสำรองไปก่อน  

สถิติการพบกันเอง

สำหรับคู่นี้เคยดวลแข้งกันในทุกรายการมาแล้วทั้งหมด 2 เกม ปรากฎว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีสถิติสูสีกับ อินเตอร์ มิลาน จากผลัดกันชนะ-แพ้ ทีมละหนึ่งเกม โดยเป็นการฟาดแข้งกันในเกมนัดกระชับมิตรที่สนามเป็นกลางทั้งหมดเลยด้วย

สถิติที่เคยพบกัน 2 เกมหลังสุด

นัดกระชับมิตร ปี 2010 : อินเตอร์ มิลาน ชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-0

นัดกระชับมิตร ปี 2011 : อินเตอร์ มิลาน แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-3

ความน่าจะเป็น

หมายมั่นปั้นมือหวังยึด “เจ้าสโมสรยุโรป” เป็นครั้งแรกให้ได้เสียที ทำให้ แมนเขสเตอร์ ซิตี้ พร้อมจัดผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนามอย่างแน่นอน ส่วน อินเตอร์ มิลาน หวังหวนกลับมาคว้าแชมป์รายการนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปีด้วยเช่นกัน จึงพร้อมจัดเต็มอย่างแน่นอน แต่ว่า “เรือใบสีฟ้า” มีศักยภาพโดยรวงมเหนือกว่าเยอะเลย คาดว่าน่าจะเป็นฝ่ายได้เฮในท้ายที่สุด  

ผลที่คาด : แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะ อินเตอร์ มิลาน 2-0 

บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับหมวดหมู่อื่นๆ

บทความนี้นับสนุนโดย Siam99 เว็บคาสิโนออนไลน์ที่นึ่งในประเทศไทยสมัครตอนนี้รับตั๋ว5ใบทันที

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *