เอฟเอ คัพ รอบ 3
ลิเวอร์พูล VS วูล์ฟแฮมป์ตัน
สนาม : แอนฟิลด์
เวลา : 03.00 น.
ลิเวอร์พูล
ผลงาน 5 เกมหลังสุด
ฟุตบอลนัดกระชับมิตร : ชนะ เอซี มิลาน 4-1 (สนามกลาง)
คาราบาว คัพ รอบ 4 : แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-3 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ แอสตัน วิลล่า 3-1 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ เลสเตอร์ 2-1 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ เบรนท์ฟอร์ด 1-3 (เยือน)
คาดว่ากุนซือ เจอร์เกน คลอปป์ จะปรับทัพจากเกมล่าสุดที่บุกไปแพ้ เบรนท์ฟอร์ด 1-3 ในศึกพรีเมียร์ลีก เพื่อให้พวกนักเตะสำรองออกสตาร์ทเป็นตัวจริงหลายคน เพราะกำลังเจอปัญหานักเตะได้รับบาดเจ็บหลายคนอยู่แล้วด้วย และเป็นการโรเตชั่นเพื่อให้พวกแข้งหลักได้พักในบางตำแหน่งอีกต่างหาก โดย “หงส์แดง” เป็นเจ้าของแชมป์รายการนี้จากเมื่อช่วงฤดูกาลที่แล้วด้วย
11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 4-3-3
ควีวิน เคลเลเฮอร์, อิบราฮิม่า โกนาเต้, โจเอล มาทิป, คอสตาส ซิมิคาส, โจ โกเมซ, นาบี้ เกอิต้า, ติอาโก้ อัลคานทาร่า, เคอร์ติส โจนส์, โคดี้ กัคโป, ดาร์วิน นูนเญซ, โมฮาเหม็ด ซาล่าห์
ผู้รักษาประตู : น่าจะดร็อป อลิสซอน เบ็คเกอร์ นายด่านมือหนึ่งเพื่อให้พัก จึงน่าจะเปิดทางให้ ควีวิน เคลเลเฮอร์ นายด่านมือสองได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง เพราะจะได้รับโอกาสลงสนามในศึกฟุตบอลถ้วยรายการต่างๆ อยู่แล้ว ส่วนในรายของ อาเดรียน เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองอยู่ที่ข้างสนามต่อไป
แนวรับ : ไม่มี เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ได้รับบาดเจ็บ จึงน่าจะให้ โจเอล มาทิป ยืนเป็นกองหลังคู่กับ อิบราฮิม่า โกนาเต้ ส่วนในรายของ นาธาเนียล ฟิลลิปส์ เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองเหมือนเดิม ส่วนแบ็กซ้ายน่าจะให้ คอสตาส ซิมิคาส ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเพื่อให้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ได้พักอยู่ที่ข้างสนาม และน่าจะให้ โจ โกเมซ ขยับไปสวมบทเป็นแบ็กขวา เพราะน่าจะดร็อป เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เพื่อให้ได้พักนั่นเอง
แดนกลาง : พร้อมวาง ติอาโก้ อัลคานทาร่า ยืนเป็นตัวหลักในแผงมิดฟิลด์ และน่าจะให้ นาบี้ เกอิต้า ซึ่งกลับมาฟิตสมบูรณ์ลงไปยืนคุมเกมด้วยเช่นกัน ส่วนในรายของ เคอร์ติส โจนส์ น่าจะออกสตาร์ทเป็นตัวจริงได้ด้วย เพื่อให้ ฟาบินโญ่ รวมถึง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ได้พักในช่วงหลังกรำศึกหนักมาแบบต่อเนื่องเลย เช่นเดียวกับ ฮาร์วีย์ เอลเลียต เตรียมเป็นตัวสแตนบายไปก่อน ขณะที่ อาร์ตูร์ เมโล่ รวมถึง เจมส์ มิลเลอร์ จะไม่มีส่วนร่วมกับทีมอย่างแน่นอน เพราะว่ายังต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บต่อไป
แนวรุก : เตรียมให้สมาชิกใหม่ นั่นก็คือ โคดี้ กัคโป ประเดิมสนามเป็นตัวจริงในตำแหน่งปีกซ้ายได้เลย เพราะเสร็จสิ้นขั้นตอนของการลงทะเบียนรายชื่อเรียบร้อยแล้ว จึงน่าจะได้ประสานงานกับ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ในตำแหน่งปีกขวา รวมถึง ดาร์วิน นูนเญซ พร้อมยืนเป็นกองหน้าตัวเป้าเพื่อลงไปเรียกความมั่นใจ หลังประสบปัญหาในเรื่องของการจบสกอร์จากการใช่้โอกาสเปลืองเหลือเกิน ทำให้ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน รวมถึง ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ เตรียมเป็นตัวสแตนบายอยู่ที่ข้างสนาม ส่วนในรายของ หลุยส์ ดิอาซ, ดิโอโก้ โจต้า รวมถึง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ยังคงต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บเหมือนเช่นเคย
วูล์ฟแฮมป์ตัน
ผลงาน 5 เกมหลังสุด
ฟุตบอลนัดกระชับมิตร : ชนะ กาดิช 4-3 (สนามกลาง)
คาราบาว คัพ รอบ 4 : ชนะ จิลลิ่งแฮม 2-0 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-1 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : เสมอ แอสตัน วิลล่า 1-1 (เยือน)
คาดว่ากุนซือ ฆูเล็น โลเปเตกี จะปรับทัพจากเกมล่าสุดที่บุกไปเสมอ แอสตัน วิลล่า 1-1 ในศึกพรีเมียร์ลีก เพื่อลุ้นเก็บชัยผ่านเข้ารอบไปเลย แม้จะมีนักเตะได้รับบาดเจ็บอยู่บ้าง แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดทีมอย่างแน่นอน เพราะใช้ฃานพวกแข้งหลักได้เกือบทั้งหมดเลย
11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 4-2-3-1
โจเซ่ ซา, มักซ์ คิลแมน, นาธาน คอลลินส์, อูโก้ บูเอโน่, เนลสัน เซเมโด้, มาเธอุส นูเนส, รูเบน เนเวส, ดาเนียล โปเดนซ์, มาเธอุส คุนญ่า, ฮวาง ฮี-ชาง, ดิเอโก้ คอสต้า
ผู้รักษาประตู : พร้อมให้ โจเซ่ ซา ยืนเฝ้าเสาเป็นตัวจริงเหมือนเดิม เพราะสวมบทเป็นมือหนึ่งอยู่แล้ว ส่วนในรายของ มาติย่า ซาร์คิช ยังคงนั่งเป็นตัวสำรองในฐานะมือสองเหมือนเดิม
แนวรับ : น่าจะให้ มักซ์ คิลแมน ยืนเป็นกองหลังคู่กับ นาธาน คอลลินส์ ส่วนแบ็กซ้ายพร้อมใช้งาน อูโก้ บูเอโน่ โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ เนลสัน เซเมโด้ ทำให้ รายาน ไอท์-นูริ, โตติ โกเมซ รวมถึง จอนนี่ อ็อตโต้ นั่งเป็นตัวสำรองไปก่อน
แดนกลาง : ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงไปจาก มาเธอุส นูเนส กับ รูเบน เนเวส ซึ่งพร้อมลงไปยืนคุมเกมร่วมกันเหมือนเช่นเคย เพราะถูกวางตัวให้เป็นคู่หูในแผงมิดฟิลด์นั่นเอง ทำให้ เจา มูตินโญ่ น่าจะหลุดไปนั่งเป็นตัวสำรอง เช่นเดียวกับ โจ ฮอดจ์ อีกรายหนึ่งด้วย
แนวรุก : หมดสิทธิ์ใช้งาน ซาซ่า คาลาจ์ดซิช รวมถึงง เปโดร เนโต้ ยังไม่หายเจ็บ จึงอาจจะให้ มาเธอุส คุนญ่า ลงไปสวมบทเป็นเพลย์เมกเกอร์ในฐานะตัวปั้นเกม และน่าจะให้ ดาเนียล โปเดนซ์ ทำหน้าที่เป็นปีกซ้าย โดยจะยืนอยู่คนละฝั่งกับ ฮวาง ฮี-ชาง ในตำแหน่งปีกขวา ส่วนกองหน้าตัวเป้าพร้อมใช้งาน ดิเอโก้ คอสต้า เหมือนเดิม ส่วนในรายของ อดาม่า ตราโอเร่, กอนซาโล่ กูเอเดส รวมถึง ราอูล ฆิมิเนซ น่าจะต้องนั่งเป็นตัวสำรองทั้งหมดเลย
สถิติการพบกันเอง
สำหรับคู่นี้เคยดวลแข้งกันในทุกรายการมาแล้วทั้งหมด 92 เกม ปรากฎว่า ลิเวอร์พูล มีสถิติเหนือกว่าอยู่พอสมควร โดยเป็นฝ่ายชนะ 49 เกม เสมอ 14 เกม และแพ้ 29 เกม ส่วนผลการพบกันนัดล่าสุดในศึกพรีเมียรลีกเมื่อปี 2022 ปรากฎว่า “หงส์แดง” เปิดบ้านชนะ 3-1 สำหรับผลการพบกันในสนามแห่งนี้นัดล่าสุดเกิดขึ้นในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2022 ปรากฎว่า วูล์ฟแฮมป์ตัน บุกไปแพ้ 1-3
สถิติที่เคยพบกัน 5 เกมหลังสุด
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2020 : วูล์ฟแฮมป์ตัน แพ้ ลิเวอร์พูล 1-2
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2020 : ลิเวอร์พูล ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 4-0
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2021 : วูล์ฟแฮมป์ตัน แพ้ ลิเวอร์พูล 0-1
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2021 : วูล์ฟแฮมป์ตัน แพ้ ลิเวอร์พูล 0-1
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2022 : ลิเวอร์พูล ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 3-1
ความน่าจะเป็น
ยังคงมีปัญหาเรื่องของฟอร์มการเล่นที่ไม่คงเส้นคงวาเอาเสียเลย และมีปัญหานักเตะผลัดกันได้รับบาดเจ็บอีกต่างหาก แต่ ลิเวอร์พูล ยังใช้งานนักเตะฝีเท้าดีได้อีกหลายคน โดยเฉพาะ โคดี้ กัคโป กองหน้าคนใหม่ที่พร้อมเข้ามาช่วยแนวรุก ส่วน วูล์ฟแฮมป์ตัน ฟอร์มยังไม่กระเตี้องเสียเท่าไรนัก จึงต้องวนเวียนอยู่ในโซนท้ายตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกเหมือนเช่นเคยเลยด้วย คาดว่า “หงส์แดง” ยังมีดีในเรื่องการถือความได้เปรียบในฐานะเจ้าบ้าน จึงน่าจะเป็นฝ่ายเก็บชัยเพื่อตบเท้าผ่านเข้าไปลุ้นป้องกันแชมป์กันต่อไป
ผลที่คาด : ลิเวอร์พูล ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 2-0
บทความนี้นับสนุนโดย Siam99 เว็บคาสิโนออนไลน์ที่นึ่งในประเทศไทย