เอฟเอ คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด VS ฟูแล่ม
สนาม : โอลด์ แทรฟฟอร์ด
เวลา : 23.30 น.
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ผลงาน 5 เกมหลังสุดในศึกพรีเมียร์ลีก
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : เสมอ ลีดส์ ยูไนเต็ด 2-2 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด 2-0 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ เลสเตอร์ 3-0 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ ลิเวอร์พูล 0-7 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : เสมอ เซาแธมป์ตัน 0-0 (เหย้า)
คาดว่ากุนซือ เอริค เทน ฮาก จะปรับทัพบางตำแหน่ง เพื่อลุ้นเก็บชัยผ่านเข้ารอบไปลุ้นคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยบนเกาะอังกฤษอีกหนึ่งรายการ หลังจากที่คว้าแชมป์คาราบาว คัพ ได้แล้วหนึ่งใบ แม้จะหมดสิทธิ์ใช้งานนักเตะหลายคน แต่ว่าพวกแข้งหลักอีกหลายๆ รายยังคงพร้อมลงไปเล่นทดแทนได้อีกหลายราย แต่น่าจะมีการโรเตชั่นเพื่อให้นักเตะสำรองได้ลงสนามในบางตำแหน่ง
11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 4-2-3-1
ดาบิด เด เคอา, ราฟาเอล วาราน, แฮร์รี่ แม็คไกวร์, ไทเรลล์ มาลาเซีย, อารอน วาน-บิสซาก้า, เฟรด, สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, จาดอน ซานโซ่, บรูโน่ แฟร์นันเดส, มาร์คัส แรชฟอร์ด, เวาท์ เวกฮอร์ทส
ผู้รักษาประตู : พร้อมให้ ดาบิด เด เคอา ยืนเฝ้าเสาเป็นตัวจริงจากการสวมบทเป็นมือหนึ่งอยู่แล้ว ส่วนในรายของ ทอม ฮีตัน เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองอยู่ที่ข้างสนามในฐานะมือสองเหมือนเช่นเคย
แนวรับ : ส่อให้ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ กลับมาออกสตาร์ทเป็นตัวจริง เพื่อให้ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ได้พักบ้าง จึงน่าจะได้ยืนคู่กับ ราฟาเอล วาราน ซึ่งเป็นแกนหลักในแดนหลังอยู่แล้ว ส่วนแบ็กซ้ายพร้อมให้ ไทเรลล์ มาลาเซีย ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง เพราะน่าจะให้ ลุค ชอว์ ได้พักอยู่ที่ข้างสนาม โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ อารอน วาน-บิสซาก้า ซึ่งมีโอกาสเป็นตัวเลือกแรกในตำแหน่งแบ็กขวาเหนือกว่า ดิโอโก้ ดาโลต์ น่าจะได้พักด้วยเช่นกัน ขณะที่ วิคเตอร์ ลินเดเลิฟ น่าจะต้องนั่งเป็นตัวสำรองต่อไป
แดนกลาง : ยังคงไร้ คริสเตียน อีริคเซ่น รวมถึง ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บไปก่อน และหมดสิทธิ์ใช้งาน คาเซมิโร่ ติดโทษแบนถึง 4 เกมเลยทีเดียว ส่วนในรายของ มาร์เซล ซาบิทเซอร์ ยังต้องรอเช็กสภาพความฟิตกันอีกครั้ง จึงน่าจะให้ เฟรด กับ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ลงไปยืนคุมเกมร่วมกัน
แนวรุก : น่าจะให้ จาดอน ซานโซ่ ลงไปสวมบทเป็นปีกขวา เพราะน่าจะให้ แอนโทนี่ นั่งเป็นตัวสำรองเพื่อให้พักไปก่อนนั่นเอง โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ มาร์คัส แรชฟอร์ด พร้อมสวมบทเป็นปีกซ้ายอย่างแน่นอน ส่วนในรายของ บรูโน่ แฟร์นันเดส เตรียมสวมบทเป็นเพลย์เมกเกอร์ในฐานะตัวปั้นเกมอยู่ด้านหลังของ เวาท์ เวกฮอร์สท พร้อมยืนเป็นกองหน้าตัวเป้าเหมือนเดิม ขณะที่ แอนโธนี่ เอลังก้า กับ อองโตนี่ มาร์กซิยัล เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองทั้งคู่เลย และจะไม่เห็น อเลฮานโดร การ์นาโช่ นั่งเป็นตัวสำรองอยู่ที่ข้างสนาม เพราะเจอโรคเดี้ยงเล่นงานนั่นเอง
ฟูแล่ม
ผลงาน 5 เกมหลังสุด
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 2-0 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ ไบรท์ตัน 1-0 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : เสมอ วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-1 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ เบรนท์ฟอร์ด 2-3 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ อาร์เซนอล 0-3 (เหย้า)
คาดว่ากุนซือ มาร์โก ซิลวา จะปรับทัพบางตำแหน่ง เพื่อลุ้นกลับมาเก็บชัยแล้วผ่านเข้ารอบไปเลย หลังพบกับความพ่ายแพ้ในศึกพรีเมียร์ลีกมาแล้วถึง 2 เกมซ้อน แม้จะมีนักเตะได้รับบาดเจ็บอยู่บ้าง แต่ไม่มีปัญหาในเรื่องของการจัดทีมลงสนามอย่างแน่นอน เพราะใช้งานพวกแข้งหลักได้อีกหลายคน
11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 4-2-3-1
แบร์นด เลโน่, ทิม รีม, โทสิน อดาราบิโอโย่, แอนโทนี โรบินสัน, เคนนี่ เตเต้, เจา พัลฮินญ่า, แฮร์ริสัน รีด, มานอร์ โซโลมอน, บ็อบบี้ รีด, อันเดรียส เปไรร่า, อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช
ผู้รักษาประตู : พร้อมให้ แบร์นด เลโน่ ลงไปยืนเฝ้าเสาเป็นตัวจริงเหมือนเดิม เพราะถูกวางตัวให้สวมบทเป็นมือหนึ่งอยู่แล้ว ส่วนในรายของ มาเร็ค โรเด็ด เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองในฐานะมือสองเหมือนเช่นเคย
แนวรับ : น่าจะให้ โทสิน อดาราบิโอโย่ ลงไปยืนเป็นกองหลังคู่กับ ทิม รีม ส่วนในรายของ แอนโทนี โรบินสัน พร้อมสวมบทเป็นแบ็กซ้าย เนื่องจาก เลย์แว็ง คูร์ซาว่า ยังไม่หายจากโรคเดี้ยง โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ เคนนี่ เตเต้ ในตำแหน่งแบ็กขวาเหมือนเดิม ขณะที่ เชน ดัฟฟี่, อิสซ่า ดิย็อป และ เซดริก โซอาเรส เตรียมนั่งอยู่ที่ข้างสนามเหมือนอย่างนัดที่แล้ว
แดนกลาง : ยังคงไร้ นีสเคนส์ เคเบโน่ เช่นเดียวกับ ทอม แคร์รีย์ ต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บต่อไป จึงพร้อมให้ เจา พัลฮินญ่า กลับมายืนคุมเกมร่วมกับ แฮร์ริสัน รีด ส่วนในรายของ แฮร์รี่ วิลสัน, ซาซ่า ลูคิช, บ็อบบี้ รีด และ ลุค แฮร์ริส เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองทั้งหมดเลย
แนวรุก : ส่อดร็อป วิลเลี่ยน เป็นตัวสำรองอยู่ที่ข้างสนาม เพื่อให้ บ็อบบี้ รีด สวมบทเป็นปีกขวาเหมือนอย่างนัดที่แล้ว โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ มานอร์ โซโลมอน ในตำแหน่งปีกซ้าย ส่วนในรายของ อันเดรียส เปไรร่า พร้อมยืนเป็นตัวปั้นเกมในฐานะเพลย์เมกเกอร์เหมือนเดิม และจะได้ลงสนามพบกับ “ปีศาจแดง” ซึ่งเป็นทีมต้นสังกัดเก่าด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังเตรียมได้เห็น อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้าเหมือนเช่นเคย ขณะที่ ดาเนียล เจมส์ และ คาร์ลอส วินิซิอุส เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองไปก่อน
สถิติการพบกันเอง
สำหรับคู่นี้เคยดวลแข้งกันในทุกรายการมาแล้วทั้งหมด 57 เกม ปรากฎว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีสถิติเหนือกว่าเยอะเลย โดยเป็นฝ่ายชนะ 38 เกม เสมอ 12 เกม และแพ้ 7 เกม ส่วนผลการพบกันนัดล่าสุดในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2022 ปรากฎว่า “ปีศาจแดง” บุกไปเฉือนชนะ 2-1 สำหรับผลการพบกันในสนามแห่งนี้นัดล่าสุดเกิดขึ้นในศึกพรีเมียร์ลีกปี 2021 ปรากฎว่า ฟูแล่ม บุกไปเสมอ 1-1
สถิติที่เคยพบกัน 5 เกมหลังสุด
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2018 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ ฟูแล่ม 4-1
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2019 : ฟูแล่ม แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-3
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2021 : ฟูแล่ม แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-2
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2021 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสมอ ฟูแล่ม 1-1
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2022 : ฟูแล่ม แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-2
ความน่าจะเป็น
มีปัญหานักเตะขาดหายไปหลายคน โดยเฉพาะ คาเซมิโร่ ติดโทษแบนถึง 4 เกมเลยทีเดียว แต่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังมีผู้เล่นฝีเท้าดีให้เลือกใช้งานได้อีกหลายคนเลย ส่วน ฟูแล่ม ยังอยู่ในช่วงตามหาฟอร์มเก่ง หลังพบกับความปราชัยในศึกพรีเมียร์ลีกมาแล้วถึง 2 เกมซ้อน และทำผลงานนอกบ้านได้ไม่ค่อยดีนัก คาดว่า “ปีศาจแดง” น่าจะเป็นฝ่ายเก็บชัยชนะในถิ่นของตัวเองได้แบบหืดจับ เพราะไม่น่าจะเจอกับงานง่ายๆ อย่างแน่นอน
ผลที่คาด : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ ฟูแล่ม 2-1
บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับพรีเมียร์ลีกอังกฤษ
บทความนี้นับสนุนโดย Siam99 เว็บคาสิโนออนไลน์ที่นึ่งในประเทศไทยสมัครตอนนี้รับตั๋ว5ใบทันที