เอฟเอ คัพ รอบ 3
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด VS เอฟเวอร์ตัน
สนาม : โอลด์ แทรฟฟอร์ด
เวลา : 03.00 น.
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ผลงาน 5 เกมหลังสุด
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ ฟูแล่ม 2-1 (เยือน)
คาราบาว คัพ รอบ 4 : ชนะ เบิร์นลีย์ 2-0 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 3-0 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-0 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ บอร์นมัธ 3-0 (เหย้า)
คาดว่ากุนซือ เอริค เทน ฮาก จะปรับทัพจากเกมล่าสุดที่เปิดบ้านชนะ บอร์นมัธ 3-0 ในศึกพรีเมียร์ลีก เพื่อลุ้นเก็บชัยผ่านเข้าสู่รอบต่อไป โดยตอนนี้ยังอยู่ในช่วงฟอร์มเฉียบเก็บชัยมาแล้วถึง 6 เกมติดต่อกันจากการลงเล่นในทุกรายการ แถมยังเกาะกลุ่ม “ท็อปโฟร์” ใน 4 อันดับแรกบนตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกได้ด้วย โดยพร้อมโรเตชั่นนักเตะบางตำแหน่ง เพราะจะได้เปิดทางให้พวกแข้งสำรองลงสนาม และเปิดทางให้พวกแข้งหลักบางคนได้พักไปในตัวด้วย
11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 4-2-3-1
ดาบิด เด เคอา, ลิซานโดร มาร์ติเนซ, ราฟาเอล วาราน, ไทเรลล์ มาลาเซีย, อารอน วาน-บิสซาก้า, สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, เฟรด, แอนโทนี่, บรูโน่ แฟร์นันเดส, อเลฮานโดร การ์นาโช่, อองโตนี่ มาร์กซิยัล
ผู้รักษาประตู : ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงไปจากมือหนึ่ง นั่นก็คือ ดาบิด เด เคอา พร้อมยืนเฝ้าเสาเป็นตัวจริงต่อไป ส่วนในรายของ ทอม ฮีตัน เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองอยู่ที่ข้างสนามเหมือนเช่นเคย
แนวรับ : มีตัวเลือกให้ใช้งานเพียบเลย แต่น่าจะให้ ลิซานโดร มาร์ติเนซ และ ราฟาเอล วาราน กลับมายืนเป็นกองหลังคู่กัน เพราะได้พักจากการถูกจับนั่งเป็นตัวสำรองในนัดที่แล้ว ทำให้ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ และ วิคเตอร์ ลินเดเลิฟ น่าจะต้องกลับไปนั่งอยู่ที่ข้างสนาม ส่วนแบ็กซ้ายน่าจะให้ ไทเรลล์ มาลาเซีย ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเพื่อให้ ลุค ชอว์ ได้พักบ้าง โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ อารอน วาน-บิสซาก้า ซึ่งน่าจะได้ลงเล่นเป้นตัวจริงในตำแหน่งแบ็กขวา เนื่องจาก ดิโอโก้ ดาโลท์ ยังไม่ฟิตสมบูรณ์แบบเต็มร้อย แม้จะหายจากอาการบาดเจ็บแล้วก็ตาม
แดนกลาง : หมดสิทธิ์ใช้งาน ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ได้รับบาดเจ็บจากเกมนัดที่แล้ว แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดทัพในแผงมิดฟิลด์อย่างแน่นอน เพราะมีกองกลางให้เลือกใช้งานเพียบเลย จึงน่าจะให้ เฟรด ลงไปยืนคุมเกมร่วมกับ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ เพื่อให้ คาเซมิโร่ รวมถึง คริสเตียน อีริคเซ่น ได้พักอยู่ที่ข้างสนาม ส่วนในรายของ บรูโน่ แฟร์นันเดส เตรียมสวมบทเป็นเพลย์เมกเกอร์ในฐานะตัวปั้นเกมเหมือนเช่นเคย
แนวรุก : ได้ จาดอน ซานโซ่ กลับมาฝึกซ้อมอีกครั้ง แต่ไม่น่าจะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ส่วนในรายของ มาร์คัส แรชฟอร์ด น่าจะถูกจับนั่งเป็นตัวสำรองเพื่อให้ได้พัก และเป็นการเปิดทางให้ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ได้สวมบทเป็นปีกซ้าย โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ แอนโทนี่ ซึ่งพร้อมกลับมาทำหน้าที่เป็นปีกขวาเหนือกว่า แอนโธนี่ เอลังก้า ส่วนในรายของ อองโตนี่ มาร์กซิยัล พร้อมสวมบทเป็นกองหน้าตัวเป้าต่อไปเพื่อให้ลงสนามไปตามหาฟอร์มเก่งนั่นเอง
เอฟเวอร์ตัน
ผลงาน 5 เกมหลังสุด
คาราบาว คัพ รอบ 4 : แพ้ บอร์นมัธ 1-4 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ บอร์นมัธ 0-3 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-2 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : เสมอ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-1 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ ไบรท์ตัน 1-4 (เหย้า)
คาดว่ากุนซือ แฟรงค์ แลมพาร์ด จะปรับทัพจากเกมล่าสุดที่แพ้ ไบรท์ตัน คาบ้าน 1-4 ในศึกพรีเมียร์ลีก เพื่อลุ้นกลับมาคว้าชัยอีกครั้ง และจะได้ผ่านเข้าสู่รอบต่อไปด้วยเช่นกัน หลังสะกดคำว่าชนะจากการลงเล่นในทุกรายการไม่เป้นมาแล้วถึง 7 เกมซ้อน จึงพร้อมให้พวกแข้งหลักออกสตาร์ทเป็นตัวจริงหลายคนเลย
11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 4-3-3
จอร์แดน พิคฟอร์ด, คอนอร์ โคดี้, เจมส์ ทาร์คอฟสกี้, วิตาลี่ มีโคเลนโก้, นาธาน เพ็ตเตอร์สัน, ทอม เดวิส, อิดริสซ่า เกย์, อเล็กซ์ อิโวบี้, ดไวท์ แม็คนีล, ดามาราย เกรย์, โดมินิค คัลเวิร์ต-เลวิน
ผู้รักษาประตู : พร้อมให้ จอร์แดน พิคฟอร์ด นายทวารมือหนึ่งยืนเฝ้าเสาเป็นตัวจริงเหมือนเดิม ส่วนในรายของ อัสเมียร์ เบโกวิช ยังคงพร้อมสวมบทเป็นมือสองในฐานะตัวสำรองเหมือนเดิม
แนวรับ : น่าจะให้ คอนอร์ โคดี้ ยืนเป้นกองหลังคู่กับ เจมส์ ทาร์คอฟสกี้ ส่วนในรายของ วิตาลี่ มีโคเลนโก้ พร้อมสวมบทเป็นแบ็กซ้าย โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ นาธาน เพ็ตเตอร์สัน ในตำแหน่งแบ็กขวาเหมือนอย่างนัดที่แล้ว ทำให้ เยร์รี่ มีน่า, เบน ก็อดฟรีย์, เซมุส โคลแมน, เมสัน โฮลเกต, ไมเคิล คีน รวมถึง รูเบน วินาเกร ไม่น่าจะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงทั้งหมดเลย
แดนกลาง : ขาดเพียงแค่ เจมส์ การ์เนอร์ ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ แม้จะได้ อมาดู โอนาน่า พ้นโทษแบนกลับมาช่วยทีมได้อีกครั้ง แต่น่าจะให้ ทอม เดวิส, อิดริสซ่า เกย์ และ อเล็กซ์ อิโวบี้ ยืนเป็น 3 ประสานในแผงมิดฟิลด์ ทำให้ อับดูลาย ดูคูเร่ เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองไปก่อน
แนวรุก : ไม่มี แอนโธนี่ กอร์ดอน ต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บไปก่อน เช่นเดียวกับ แอนดอรส ทาวน์เซ่นด์ ยังไม่หายเดี้ยง จึงน่าจะให้ ดามาราย เกรย์ สวมบทเป็นปีกซ้าย โดยจะยืนอยู่คนละฝั่งกับ ดไวท์ แม็คนีล ในตำแหน่งปีกขวา และพร้อมให้ โดมินิค คัลเวิร์ต-เลวิน สวมบทเป็นกองหน้าตัวเป้าไปเลย ทำให้ นีล โมเปย์ รวมถึง เอลลิส ซิมม์ส เตรียมเป็นตัวสแตนบายอยู่ที่ข้างสนามเหมือนอย่างนัดที่แล้ว
สถิติการพบกันเอง
สำหรับคู่นี้เคยดวลแข้งกันในทุกรายการมาแล้วทั้งหมด 189 เกม ปรากฎว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีสถิติเหนือกว่าอยู่เยอะเลย โดยเป็นฝ่ายชนะ 86 เกม เสมอ 47 เกม และแพ้ 56 เกม ส่วนผลการพบกันนัดล่าสุดในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2022 ปรากฎว่า “ปีศาจแดง” บุกไปเฉือนชนะ 2-1 สำหรับผลการพบกันนัดล่าสุดที่สนามแห่งนี้ในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2021 ปรากฎว่า เอฟเวอร์ตัน บุกไปเสมอ 1-1
สถิติที่เคยพบกัน 5 เกมหลังสุด
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2020 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสมอ เอฟเวอร์ตัน 3-3
ฟุตบอลนัดกระชับมิตร ปี 2021 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ เอฟเวอร์ตัน 4-0
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2021 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสมอ เอฟเวอร์ตัน 1-1
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2022 : เอฟเวอร์ตัน ชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2022 : เอฟเวอร์ตัน แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-2
ความน่าจะเป็น
ยังคงอยู่ในช่วงฟอร์มดีเหลือเกิน ทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พร้อมลงสนามด้วยความมั่นใจ และใช้งานพวกนักเตะฝีเท้าดีได้ตามอัธยาศัย เพราะว่าแทบจะไม่มีแข้งดังได้รับบาดเจ็บ ส่วน เอฟเวอร์ตัน ยังคงต้องตามหาฟอร์มเก่งกันต่อไป เพราะไม่พบกับชัยชนะมานานแล้ว แต่ว่ามีนักเตะตัวหลักได้รับบาดเจ็บอยู่บ้าง คาดว่า “ปีศาจแดง” มีสภาพทีมที่พร้อมมากกว่าเยอะเลย จึงน่าจะเป็นฝ่ายเก็บชัยเพื่อตบเท้าผ่านเข้ารอบได้สำเร็จ
ผลที่คาด : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-0
บทความนี้นับสนุนโดย Siam99 เว็บคาสิโนออนไลน์ที่นึ่งในประเทศไทย