“ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ส่อติดใจ จอร์จินโญ่ จึงพร้อมให้ลงไปช่วยยืนคุมแดนกลางนัดต้อนรับ ไบรท์ตัน ในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันที่ 14 พ.ค.นี้ เพื่อลุ้นเก็บชับขับเคี่ยวแย่งแชมป์กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต่อไปจนถึงที่สุด
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
อาร์เซนอล VS ไบรท์ตัน
สนาม : เอมิเรสต์ สเตเดี้ยม
เวลา : 22.30 น.
อาร์เซนอล
ผลงาน 5 เกมหลังสุดในศึกพรีเมียร์ลีก
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ คริสตัล พาเลซ 4-1 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด 4-1 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : เสมอ ลิเวอร์พูล 2-2 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ เชลซี 3-1 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ นิวคาสเซิ่ล 2-0 (เยือน)
คาดว่ากุนซือ มิเกล อาร์เตต้า จะปรับทัพบางตำแหน่ง เพื่อเก็บชัยเบียดแย่งตำแหน่งจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกต่อไป โดยตอนนี้อยู่อันดับ 2 แข่ง 35 นัด มี 81 คะแนน ตามหลัง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมอันดับ 2 เพียงแค่หนึ่งคะแนนเท่านั้น แต่ลงเตะมากกว่าหนึ่งเกม จึงพร้อมจัดผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดลงสนามเหมือนเดิม แม้จะมีนักเตะได้รับบาดเจ็บอยู่บ้าง แต่เป็นพวกหน้าเดิมๆ ที่ต้องพักรักษาโรคเดี้ยงอยู่แล้ว และยังคงใช้งานพวกแข้งหลักได้เกือบทั้งหมดเลยด้วย
11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 4-3-3
อารอน แรมส์เดล, ยาคุบ คิวิออร์, กาเบรียล มากัลเญส, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้, เบน ไวท์, มาร์ติน โอเดการ์ด, จอร์จินโญ่, กรานิท ชาก้า, กาเบรียล เชซุส, บูกาโย่ ซาก้า, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่
ผู้รักษาประตู : ไม่เปลี่ยนแปลงไปจาก อารอน แรมส์เดล เพราะยังคงได้รับความไว้วางใจให้สวมบทเป็นมือหนึ่ง จึงพร้อมลงไปยืนเฝ้าเสาเป็นตัวจริงอยู่แล้ว ส่วนในรายของ แมตต์ ทรูเนอร์ เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองในฐานะมือสองเหมือนเช่นเคย
แนวรับ : หมดสิทธิ์ใช้งาน วิลเลียม ซาลิบา เจอโรคเดี้ยงเล่นงาน เช่นเดียวกับ ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ จึงพร้อมให้ ยาคุบ คิวิออร์ ลงไปยืนเป็นกองหลังคู่กับ กาเบรียล มากัลเญส เหมือนอย่างนัดที่แล้ว ทำให้ ร็อบ โฮลดิ้ง เตรียมนั่งเป็นตัวสแตนบายไปก่อน ส่วนแบ็กซ้ายยังคงเป็นหน้าที่ของ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ เตรียมลงไปยืนประจำการตั้งแตนาทีแรก เพราะเป็นตัวเลือกอันดับแรกเหนือกว่า คีแรน เทียร์นีย์ ซึ่งเตรียมนั่งเป็นตัวสำรองต่อไป โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ เบน ไวท์ พร้อมลงไปยืนเป็นตำแหน่งแบ็กขวาเหมือนเดิม
แดนกลาง : ขาดเพียงแค่ โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ ต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บไปก่อน จึงน่าจะให้ จอร์จินโญ่ ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเหมือนอย่างนัดที่แล้ว เพื่อประสานงานกับ กรานิท ชาก้า รวมถึง มาร์ติน โอเดการ์ด ซึ่งเป็น 2 แกนหลักในแผงมิดฟิลด์ด้วยเช่นกัน ส่วนในรายของ เอมิล สมิธ โรว์, ฟาบิโอ วิเอร่า และ โธมัส ปาร์เตย์ เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองอยู่ที่ข้างสนามไปก่อน
แนวรุก : เตรียมได้เห็น3 ประสานลงไปช่วยกันยืนล่าตาข่ายเหมือนอย่างนัดที่แล้ว ไลตั้งแต่ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ เตรียมยืนประจำการในตำแหน่งตัวริมเส้นฝั่งซ้าย โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ บูยาโย่ ซาก้า ในตำแหน่งตัวริมเส้นฝั่งขวา ส่วนในรายของ กาเบรียล เชซุส พร้อมลงไปสวมบทเป็นกองหน้าตัวเป้า ทำให้ เลอันโดร ทรอสซาร์, รีสส์ เนลสัน รวมถึง มาร์ควินญอส เตรียมตัวสแตนบายเหมือนเช่นเคย
ไบรท์ตัน
ผลงาน 5 เกมหลังสุดในศึกพรีเมียร์ลีก
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ เชลซี 2-1 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 1-3 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 6-0 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ เอฟเวอร์ตัน 1-5 (เยือน)
คาดว่ากุนซือ โรแบร์โต้ เดอ แซร์บี้ จะปรับทัพบางตำแหน่ง เพื่อลุ้นกลับมาคว้าชัยแล้วทำอันดับลุ้นไปเล่นฟุตบอลสโมสรยุโรปในช่วงฤดูกาลหน้ากันต่อไป โดยตอนนี้อยู่อันดับ 7 แข่ง 33 นัด มี 55 คะแนน แม้จะมีนักเตะได้รับบาดเจ็บอยู่บ้าง แต่ยังใช้งานพวกแข้งหลักได้เกือบททุกตำแหน่ง
11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 4-2-3-1
เจสัน สตีล, อดัม เว็บสเตอร์, ลูวิส ดังค์, เปอร์วิส เอสตูปินาน, มอยเซส ไซเซโด้, ปาสกาล โกรสส์, อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์, คาโอรุ มิโตมะ, ซอลลี่ มาร์ช, เดนิส อุนดาฟ, แดนนี่ เวลเบ็ค
ผู้รักษาประตู : เตรียมดร็อป โรเบิร์ต ซานเชซ เป็นตัวสำรองไปก่อน เพื่อให้ เจสัน สตีล ลงไปยืนเฝ้าเสาเป็นตัวจริงเหมือนอย่างหลายๆ นัดที่ผ่านมา เพราะได้รับความไว้วางใจให้สวมบทเป็นมือหนึ่งในช่วงหลังๆ นั่นเอง
แนวรับ : พร้อมให้ อดัม เว็บสเตอร์ ลงไปยืนเป็นกองหลังคู่กับ ลูวิส ดังค์ ส่วนแบ็กซ้ายเตรียมได้เห็น เปอร์วิส เอสตูปินาน ลงไปยืนประจำการ โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ มอยเซส ไซเซโด้ ซึ่งพร้อมขยับไปยืนเป็นแบ็กขวา เนื่องจาก โจเอล เฟลท์มันน์ ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ และยังคงไร้ ทาริค แลมป์ตี้ ต้องพักรักษาโรคเดี้ยงไปก่อน ส่วนในรายของ เลวี่ โควิลล์ และ ยาน ปอล ฟาน เฮ็ค เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองไปก่อน
แดนกลาง : ไม่มี ยาคุบ โมเดอร์, อดัม ลัลลาน่า รวมถึง เฌเรมี่ ซาร์มิเอ็นโต้ ต้องพักรักษาโรคเดี้ยงทั้งหมดเลย จึงพร้อมให้ ปาสกาล โกรสส กับ อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ ยืนเป็นตัวคุมเกมคู่กันเหมือนอย่างนัดที่แล้ว ส่วนในรายของ ฟาคุนโด้ บัวนาน็อตเต้, บิลลี่ กิลมอร์ และ ยาซิน อายารี่ เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองได้เลย
แนวรุก : น่าจะให้ เดนิส อุนดาฟ ลงไปสวมบทเป็นตัวปั้นเกมในฐานะเพลย์เมกเกอร์ ส่วนในรายของ คาโอรุ มิโตมะ พร้อมสวมบทเป็นตัวริมเส้นฝั่งซ้าย โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ ซอลลี่ มาร์ช พร้อมกลับมายืนเป็นตัวริมเส้นฝั่งขวาอีกครั้ง และเตรียมได้เห็น แดนนี่ เวลเบ็ค ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้าเหมือนเดิม ทำให้ ฮูลิโอ เอ็นซิโก้ รวมถึง อีแวน เฟอร์กูสัน เตรียมเป็นตัวสแตนบายเหมือนเดิม
สถิติการพบกันเอง
สำหรับคู่นี้เคยดวลแข้งกันในทุกรายการมาแล้วทั้งหมด 22 เกม ปรากฎว่า อาร์เซนอล มีสถิติเหนือกว่าเล็กน้อย โดยเป็นฝ่ายชนะ 11 เกม เสมอ 4 เกม และแพ้ 7 เกม ส่วนผลการพบกันนัดล่าสุดในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2023 ปรากฎว่า “ปืนใหญ่” บุกไปชนะ 4-2 สำหรับผลการพบกันในสนามแห่งนี้นัดล่าสุดเกิดขึ้นในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2022 ปรากฎว่า ไบรท์ตัน บุกไปชนะ 3-1
สถิติที่เคยพบกัน 5 เกมหลังสุด
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2021 : อาร์เซนอล ชนะ ไบรท์ตัน 2-0
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2021 : ไบรท์ตัน เสมอ อาร์เซนอล 0-0
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2022 : อาร์เซนอล แพ้ ไบรท์ตัน 1-2
คาราบาว คัพ ปี 2022 : อาร์เซนอล แพ้ ไบรท์ตัน 1-3
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2023 : ไบรท์ตัน แพ้ อาร์เซนอล 2-4
ความน่าจะเป็น
เพราะยังคงมีลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกอยู่ด้วยเช่นกัน ทำให้ อาร์เซนอล ยังคงพร้อมสู้แบบเต็มที่ เพื่อลุ้นต่อไปในถึงที่สุด แม้จะมีสถานการณ์เป็นรอง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่พอสมควร แถมยังลงเตะมากกว่าหนึ่งเกมอีกต่างหาก จึงพร้อมจัดผู้เล่นชุดใหญ่เพื่อลุ้นเก็บชัยขนะกันต่อไป ส่วน ไบรท์ตัน เกิดอาการฟอร์มหลุดจากนัดที่แล้ว จึงส่งผลกระทบต่อการลุ้นดควตาไปเล่นในศึกฟุตบอลสโมสรยุโรปอยู่พอสมควร แต่ยังคงพร้อมคืนฟอร์มเก่งเพื่อไปให้ถึงจุดหมายกันต่อไป คาดว่า “ปืนใหญ่” น่าจะเก็บ 3 คะแนนเต็มในถิ่นของตัวเองเอาไว้ได้สำเร็จ
ผลที่คาด : อาร์เซนอล ชนะ ไบรท์ตัน 2-0
บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับพรีเมียร์ลีกอังกฤษ
บทความนี้นับสนุนโดย Siam99 เว็บคาสิโนออนไลน์ที่นึ่งในประเทศไทยสมัครตอนนี้รับตั๋ว5ใบทันที