วิเคราะห์ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก ไบรท์ตัน VS ลิเวอร์พูล

วิจารณ์บอลพรีเมียร์ลีก ไบรท์ตัน VS ลิเวอร์พูล 14.01.23

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

ไบรท์ตัน VS ลิเวอร์พูล

สนาม : เอแม็กซ์ สเตเดี้ยม

เวลา : 22.00 น.

ไบรท์ตัน

ผลงาน 5 เกมหลังสุดในศึกพรีเมียร์ลีก

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 3-2 (เยือน)

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ แอสตัน วิลล่า 1-2 (เหย้า)

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ เซาแธมป์ตัน 3-1 (เยือน)

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ อาร์เซนอล 2-4 (เหย้า)

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ เซาแธมป์ตัน 1-3 (เยือน)

คาดว่ากุนซือ โรแบร์โต้ เดอ แซร์บี้ จะปรับทัพจากเกมล่าสุดที่บุกไปถล่ม มิดเดิลสโบรช์ 5-1 ในศึกเอฟเอ คัพ รอบ 3 เพื่อให้พวกแข้งหลักกลับมาลงสนามทั้งหมดเลย และจะได้ลุ้นเก็บชัยขยับขึ้นไปเกาะกลุ่มบนหัวตารางคะแนน โดยตอนนี้อยู่อันดับ 8 แข่ง 17 นัด มี 27 คะแนน 

11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 4-2-3-1

โรเบิร์ต ซานเชซ, อดัม เว็บสเตอร์, ลูวิส ดังค์, เปอรืวิส เอสตูปินาน, ทาริค แลมป์ตีย์, ปาสเกล โกรสส์, มอยเซส ไซเซโด้, คาโอรุ มิโตมะ, ซอลลี่ มาร์ช, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, เลอันโดร ทรอสซาร์

ผู้รักษาประตู : พร้อมให้ โรเบิร์ต ซานเชซ กลับมายืนเฝ้าเสาเป็นตัวจริง เพราะถูกวางตัวให้เป็นมือหนึ่งอยู่แล้ว ทำให้ เจสัน สตีล เตรียมกลับนั่งเป็นตัวสำรองในฐานะมือสองตามเดิม 

แนวรับ : น่าจะให้ อดัม เว็บสเตอร์ กับ ลูวิส ดังค์ ได้กลับมายืนเป็นกองหลังตามเดิม ทำให้ เลวี่ โคลวิลล์ รวมถึง แยน ปอน ฟาน เฮ็ค เตรียมกลับไปนั่งอยู่ที่ข้างสนามเหมือนเดิม ส่วนแบ็กซ้ายพร้อมให้ เปอรืวิส เอสตูปินาน เป็นตัวเลือกอันดับแรกอยู่แล้ว โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ ทาริค แลมป์ตีย์ ในตำแหน่งแบ็กขวา ทำให้ โจเอล เฟลต์มันน์, เอ็ด เทิร์นส และ เจมส์ เฟอร์ลอง นั่งเป็นตัวสำรองทั้งหมดเลย

แดนกลาง : เตรียมส่ง ปาสเกล โกรสส์ ลงไปยืนคุมเกมร่วมกับ มอยเซส ไซเซโด้ เพราะเป็น 2 ตัวหลักในแผงมิดฟิลด์อยู่แล้ว ทำให้ อดัม ลัลลาน่า, เฌเรมี่ ซาร์เมียนโต้, บิลลี่ กิลมอร์ และ แอนดรูว์ โมราน เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองทั้งหมดเลย ส่วนในรายของ ยาคุบ โมเดอร์ ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ จึงไม่มีส่วนร่วมกับทีมอย่างแน่นอน    

แนวรุก : ส่อให้ เลอันโดร ทรอสซาร์ กลับมาสวมบทเป็นตกองหน้าอีกครั้ง ทำให้ แดนนี่ เวลเบ็ค, นีล โมเปย์, อีวาน เฟอร์กูสัน รวมถึง เดนิซ อุนดาฟ เตรียมนั่งเป็นตัวสแตนบายอยู่ที่ข้างสนาม ส่วนปีกขวาพร้อมขยับ ซอลลี่ มาร์ช สวมบทเป็นปีกขวา โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ คาโอรุ มิโตมะ ในตำแหน่งปีกซ้าย และพร้อมให้ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ สวมบทเป็นตัวปั้นเกมในฐานะเพลย์เมกเกอร์ด้วยเช่นกัน         

ลิเวอร์พูล

ผลงาน 5 เกมหลังสุดในศึกพรีเมียร์ลีก

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ 2-1 (เยือน)

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ เซาแธมป์ตัน 3-1 (เหย้า)

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ แอสตัน วิลล่า 3-1 (เยือน)

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ เลสเตอร์ 2-1 (เหย้า)

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ เบรนท์ฟอร์ด 1-3 (เยือน)

คาดว่ากุนซือ เจอร์เกน คลอปป์ จะปรับทัพจากเกมล่าสุดที่เปิดบ้านเสมอ วูล์ฟแฮมป์ตัน 2-2 ในศึกเอฟเอ คัพ รอบ 3 เพื่อให้พวกแข้งหลักกลับมาออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเกือบทั้งหมด และจะได้กลับมาคว้าชัยเพื่อลุ้นขยับขึ้นไปเกาะกลุ่มบนหัวตารางคะแนนด้วย เพราะตอนนี้อยู่อันดับ 6 แข่ง 17 นัด มี 28 คะแนน แม้จะมีนักเตะได้รับบาดเจ็บหลายคน แต่จะไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดทีมมากนัก 

11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 4-3-3

อลิสซอน เบ็คเกอร์, โจเอล มาทิป, อิบราฮิม่า โกนาเต้, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์, ฟาบินโญ่, ติอาโก้ อัลคานทาร่า, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน, โมฮาเม็ด ซาล่าห์, ดาร์วิน นูนเญซ

ผู้รักษาประตู : พร้อมให้ อลิสซอน เบ็คเกอร์ กลับมายืนเฝ้าเสาอีกครั้ง เพราะสวมบทเป็นมือหนึ่งอยูาแล้วนั่นเอง ส่วนในรายของ ควีวิน เคลเลเฮอร์ กับ อาเดรียน เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองอยู่ที่ข้างสนามตามเดิม

แนวรับ : ยังคงไร้ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บต่อไป จึงพร้อมให้ อิบราฮิม่า โกนาเต้ ลงไปยืนเป็นกองหลังคู่กับ โจเอล มาทิป ส่วนแบ็กซ้ายพร้อมให้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เป็นตัวเลือกอันดับแรกเหนือกว่า คอสตาส ซิมิคาส อยู่แล้ว โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ พร้อมสวมบทเป็นแบ็กขวาเหมือนเดิม ทำให้ โจ โกเมซ กับ นาธาเนียล ฟิลลิปส์ เตรียมนั่งอยู่ที่ข้างสนามไปก่อน    

แดนกลาง : เตรียมเป็นหน้าที่ของ 3 ประสาน นั่นก็คือ ฟาบินโญ่, ติอาโก้ อัลคานทาร่า และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เพราะถูกวางให้เป็นตัวหลักในแผงมิดฟิลด์อยู่แล้วทั้งหมดเลย ทำให้ นาบี้ เกอิต้า เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองไปก่อน เช่นเดียวกับ 3 ดาวรุ่ง ไล่ตั้งแต่ ฮาร์วีย์ เอลเลียต, เคอร์ติส โจนส์  และ สเตฟาน บายเซวิช ในฐานะตัวสแตนบายไปก่อน ส่วนในรายของ อาร์ตูร์ เมโล่ รวมถึง เจมส์ มิลเลอร์ จะไม่มีส่วนร่วมกับทีมอย่างแน่นอน เพราะว่ายังไม่หายจากอาการบาดเจ็บนั่นเอง    

แนวรุก : น่าจะดร็อป โคดี้ กัคโป กองหน้าคนใหม่เป็นตัวสำรอง เช่นเดียวกับ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ เตรียมเป็นตัวสแตนบายอยู่ที่ข้างสนามเหมือนเดิม เพื่อให้ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน กลับมาสวมบทเป็นปีกขวา โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ในตำแหน่งปีกซ้าย และพร้อมให้ ดาร์วิน นูนเญซ ยืนเป้นกองหน้าตัวเป้าเหมือนเดิม แม้จะประสบปัญหาฟอร์มฝืดจากการยิงพลาดอยู่บ่อยๆ จึงต้องตามหาความมั่นใจกันต่อไป ส่วนในรายของ หลุยส์ ดิอาซ, ดิโอโก้ โจต้า รวมถึง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ยังคงต้องพักรักษาโรคเดี้ยงต่อไป

สถิติการพบกันเอง

สำหรับคู่นี้เคยดวลแข้งกันในทุกรายการมาแล้วทั้งหมด 21 เกม ปรากฎว่า ไบรท์ตัน มีสถิติเป็นรองอยู่เยอะเลย โดยเป็นฝ่ายชนะ 2 เกม เสมอ 6 เกม และแพ้ 13 เกม ส่วนผลการพบกันนัดล่าสุดในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2022 ปรากฎว่า ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเสมอ 3-3 สำหรับผลการพบกันในสนามแห่งนี้นัดล่าสุดเกิดขึ้นในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2022 ปรากฎว่า “หงส์แดง” บุกไปชนะ 2-0

สถิติที่เคยพบกัน 5 เกมหลังสุด

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2020 : ไบรท์ตัน เสมอ ลิเวอร์พูล 1-1

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2021 : ลิเวอร์พูล แพ้ ไบรท์ตัน 0-1

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2021 : ลิเวอร์พูล เสมอ ไบรท์ตัน 2-2

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2022 : ไบรท์ตัน แพ้ ลิเวอร์พูล 0-2

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2022 : ลิเวอร์พูล เสมอ ไบรท์ตัน 3-3

ความน่าจะเป็น

ยังคงประสบปัญหาฟอร์มแกว่งแบบต่อเนื่องเลย และมีปัญหานักเตะได้รับบาดเจ็บหลายคนเลยด้วย แต่ ลิเวอร์พูล ยังคงพร้อมมุ่งมั่นเพื่อกลับคืนสู่ฟอร์มเก่งให้ได้ โดยเฉพาะแนวรุกที่ยังคงพร้อมตามหาความมั่นใจเพื่อจะได้กลับมาผลิตสกอร์ได้แบบเป็นกอบเป็นกำอีกครั้ง ส่วน ไบรท์ตัน ถือว่าเป็นทีมที่ทำผลงานได้ดีอยู่แล้ว และพวกนักเตะตัวหลักยังคงอยู่ในช่วงฟอร์มดีหลายคนเลยด้วย คาดว่าเกมคู่นี้มีโอกาสลงเอยด้วยผลเสมอแบ่งกันไปทีมละหนึ่งคะแนนได้เหมือนกัน

ผลที่คาด : ไบรท์ตัน เสมอ ลิเวอร์พูล 1-1

บทความนี้นับสนุนโดย Siam99 เว็บคาสิโนออนไลน์ที่นึ่งในประเทศไทย

บทความเพิ่มเติม

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *