“ปืนใหญ่” อาร์เซนอล พร้อมให้ บูกาโย่ ซาก้า กลับมาออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเพื่อปั้นเกมรุกทางริมเส้นนัดต้อนรับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ส่อปรับแดนหน้าเพื่อให้ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ กลับมาลงเล่นตั้งแต่นาทีแรกในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันที่ 9 เม.ย.นี้ เพื่อลุ้นเก็บชัยนำเป็นจ่าฝูงต่อไปแบบยาวๆ
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ลิเวอร์พูล VS อาร์เซนอล
สนาม : แอนฟิลด์
เวลา : 22.30 น.
ลิเวอร์พูล
ผลงาน 5 เกมหลังสุดในศึกพรีเมียร์ลีก
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 2-0 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 7-0 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ บอร์นมัธ 0-1 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-4 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : เสมอ เชลซี 0-0 (เยือน)
คาดว่ากุนซือ เจอร์เกน คลอปป์ จะปรับทัพบางตำแหน่ง เพื่อลุ้นกลับมาคว้าชัยอีกครั้ง หลังสะกดคำว่าชนะไม่เป็นมาแล้วถึง 3 เกม และจะได้ต่อยอดไปสู่การพื้นที่ “ท็อปโฟร์” ใน 4 อันดับแรกกันต่อไป โดยตอนนี้อยู่อันดับ 8 แข่ง 28 นัด มี 43 คะแนน ไล่ตามหลัง ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ ทีมอันดับ 4 อยู่ถึง 7 คะแนน แม้จะมีนักเตะได้รับบาดเจ็บอยู่หลายคน แต่ว่าเป็นพวกหน้าเดิมๆ ที่ต้องพักรักษาโรคเดี้ยงอยู่แล้ว ส่วนพวกแข้งหลักยังคงพร้อมออกสตาร์ทเป็นตัวจริงได้เกือบทั้งหมด
11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 4-3-3
อลิสซอน เบ็คเกอร์, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, โจเอล มาทิป, แอนดี้ โรเบิร์ตสัน, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์, ฟาบินโญ่, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฮาร์วีย์ เอลเลียต, โคดี้ กัคโป, ดาร์วิน นูนเญซ, โมฮาเหม็ด ซาล่าห์
ผู้รักษาประตู : พร้อมให้มือหนึ่ง นั่นก็คือ อลิสซอน เบ็คเกอร์ ยืนเฝ้าเสาเป็นตัวจริงอย่างแน่นอน ส่วนในรายของ ควีวิน เคลเลเฮอร์ นายด่านมือสองเตรียมนั่งเป็นตัวสำรองเหมือนเช่นเคย
แนวรับ : น่าจะให้ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ กลับมาลงสนามเป็นตัวจริงอีกครั้ง หลังถูกดร็อปออกจากทีมในนัดก่อนเพื่อให้พักไปเลย และคาดว่าน่าจะให้ โจเอล มาทิป ลงไปยืนคู่กัน เพราะเป็นตัวเลือกอันดับแรกเหนือกว่า อิบราฮิม่า โกนาเต้, นาธาเนียล ฟิลลิปส์ รวมถึง โจ โกเมซ ส่วนแบ็กซ้ายพร้อมให้ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน กลับมายืนประจำการอีกครั้ง โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ในตำแหน่งแบ็กขวาตามปกติ ทำให้ คอสตาส ซิมิคาส กับ เจมส์ มิลเนอร์ เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองไปก่อน แต่ยังคงไร้ คัลวิน แรมซีย์ ต้องพักรักษาโรคเดี้ยงต่อไป
แดนกลาง : ไม่มี สเตฟาน บายเซติช, นาบี้ เกอิต้า และ ติอาโก้ อัลคานทาร่า เพราะว่ายังไม่หายจากอาการบาดเจ็บทั้งหมดเลย จึงน่าจะให้ ฟาบินโญ่ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ยืนเป็นแกนหลักในแผงมิดฟิลด์ และน่าจะดร็อป เคอร์ติส โจนส์ ให้กลับไปนั่งเป็นตัวสำรอง เพื่อให้ ฮาร์วีย์ เอลเลียต กลับมาออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ส่วนในรายของ อาร์ตูร์ เมโล่ ยังอยู่ในช่วงฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมาฟิตสมบูรณ์ จึงไม่น่าจะมีชื่ออยู่ในทีมเหมือนเดิม
แนวรุก : ส่อโรเตชั่นพร้อมให้ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ กลับมาออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในตำแหน่งตัวริมเส้นฝั่งขวา หลังถูกดร็อปเป็นตัวสำรองในนัดก่อน เช่นเดียวกับ โคดี้ กัคโป พร้อมกลับมาสวมบทเป็นกองหน้าตัวเป้าอีกครั้ง ส่วนในรายของ ดาร์วิน นูนเญซ พร้อมทำหน้าที่เป็นตัวริมเส้นฝั่งซ้ายต่อไป ทำให้ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน, ดิโอโก้ โจต้า และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ เตรียมนั่งเป็นตัวสแตนบายอยู่ที่ข้างสนามทั้งหมดเลย ส่วนในรายของ หลุยส์ ดิอาซ ยังคงอยู่ในช่วงฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมาฟิตสมบูรณ์ในช่วงหลังหายเดี้ยงได้ไม่นานนัก
อาร์เซนอล
ผลงาน 5 เกมหลังสุดในศึกพรีเมียร์ลีก
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ เอฟเวอร์ตัน 4-0 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ บอร์นมัธ 3-2 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ ฟูแล่ม 3-0 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ คริสตัล พาเลซ 4-1 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด 4-1 (เหย้า)
คาดว่ากุนซือ มิเกล อาร์เตต้า จะปรับทัพบางตำแหน่ง เพื่อเก็บชัยนำเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกต่อไป หลังโชว์ฟอร์มแรงแบบต่อเนื่องจากการเก็บชัยมาแล้วถึง 7 เกมติดต่อกัน โดยตอนนี้อยู่อันดับ 1 แข่ง 29 นัด มี 72 คะแนน นำหน้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมอันดับ 2 อยู่ถึง 8 คะแนน แต่ลงเตะมากกว่าหนึ่งนัด แม้จะมีนักเตะได้รับบาดเจ็บอยู่บ้าง แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดทีมลงสนามอย่างแน่นอน เพราะว่าพวกแข้งหลักยังคงพร้อมออกสตาร์ทเป็นตัวจริงทั้งหมดเลย
11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 4-3-3
อารอน แรมส์เดล, ร็อบ โฮลดิ้ง, กาเบรียล มากัลเญส, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้, เบน ไวท์, มาร์ติน โอเดการ์ด, โธมัส ปาร์เตย์, กรานิท ชาก้า, บูกาโย่ ซาก้า, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่, กาเบรียล เชซุส
ผู้รักษาประตู : ไม่เปลี่ยนแปลงไปจาก อารอน แรมส์เดล เพราะได้รับมอบหมายให้สวมบทเป็นมือหนึ่งอยู่แล้ว จึงพร้อมลงไปยืนเฝ้าเสาตั้งแต่นาทีแรกเหมือนเดิม ส่วนในรายของ แมตต์ ทรูเนอร์ เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองในฐานะมือสองเหมือนอย่างนัดก่อนๆ
แนวรับ : ยังคงไร้ วิลเลียม ซาลิบา ต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บไปก่อน จึงน่าจะให้ ร็อบ โฮลดิ้ง ลงไปยืนเป็นกองหลังคู่กับ กาเบรียล มากัลเญส ส่วนแบ็กซ้ายยังคงเป็นหน้าที่ของ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ พร้อมลงไปยืนประจำการในฐานะตัวเลือกอันดับแรกเหนือกว่า คีแรน เทียร์นีย์ ซึ่งเตรียมนั่งเป็นตัวสำรองเหมือนเดิม โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ เบน ไวท์ ในตำแหน่งแบ็กขวาเหมือนเดิม ทำให้ ยาคุบ คิวิออร์ เตรียมนั่งเป็นตัวสแตนบายอยู่ที่ข้างสนามไปก่อน แต่หมดสิทธิ์ใช้งาน ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ ต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บต่อไป
แดนกลาง : ขาดเพียงแค่ โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ ยังไม่หายเดี้ยง จึงพร้อมใช้งาน 3 ประสาน นั่นก็คือ มาร์ติน โอเดการ์ด, โธมัส ปาร์เตย์ รวมถึง กรานิท ชาก้า ยืนคุมเกมร่วมกันเหมือนเดิม เพราะว่าเป็นแกนหลักในแผงมิดฟิลด์อยู่แล้ว ส่วนในรายของ จอร์จินโญ่, ฟาบิโอ วิเอร่า รวมถึง เอมิล สมิธ โรว์ เตรียมนั่งเป็นตัวสแตนบายอยู่ที่ข้างสนามทั้งหมดเลย
แนวรุก : น่าจะให้ บูยาโย่ ซาก้า กลับมายืนประจำการในตำแหน่งตัวริมเส้นฝั่งขวา หลังถูกดร็อปเป็นตัวสำรองเพื่อให้พักในนัดก่อน โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ในตำแหน่งตัวริมเส้นฝั่งซ้าย ส่วนในรายของ กาเบรียล เชซุส พร้อมลงไปยืนเป็นกองหน้าตัวเป้าเหมือนเดิม เนื่องจาก เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ เจอโรคเดี้ยงเล่นงาน ทำให้ เลอันโดร ทรอสซาร์, รีสส์ เนลสัน และ มาร์ควินญอส เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองเพื่อรอโอกาสลงสนามเหมือนเช่นเคย
สถิติการพบกันเอง
สำหรับคู่นี้เคยดวลแข้งกันในทุกรายการมาแล้วทั้งหมด 204 เกม ปรากฎว่า ลิเวอร์พูล มีสถิติเหนือกว่าเล็กน้อย โดยเป็นฝ่ายชนะ 78 เกม เสมอ 54 เกม และแพ้ 72 เกม ส่วนผลการพบกันนัดล่าสุดในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2022 ปรากฎว่า “หงส์แดง” บุกไปแพ้ 2-3 สำหรับผลการพบกันในสนามแห่งนี้นัดล่าสุดเกิดขึ้นในศึกคาราบาว คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดแรก เมื่อปี 2022 ปรากฎว่า อาร์เซนอล บุกไปเสมอ 0-0
สถิติที่เคยพบกัน 5 เกมหลังสุด
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2021 : ลิเวอร์พูล ชนะ อาร์เซนอล 4-0
คาราบาว คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ปี 2022 : ลิเวอร์พูล เสมอ อาร์เซนอล 0-0
คาราบาว คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 ปี 2022 : อาร์เซนอล แพ้ ลิเวอร์พูล 0-2
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2022 : อาร์เซนอล แพ้ ลิเวอร์พูล 0-2
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2022 : อาร์เซนอล ชนะ ลิเวอร์พูล 3-2
ความน่าจะเป็น
เป็นเกม “บิ๊กแมทช์” ไปตามชื่อชั้นของ 2 ทีมระดับหัวแถวนั่นเอง แต่ว่าฟอร์มการเล่นต่างกันอยู่พอสมควร เนื่องจาก อาร์เซนอล ยังคงติดลมบนในตำแหน่งจ่าฝูง ส่วน ลิเวอร์พูล ยังคงกระท่อนกระแท่นจากการไร้ชัยมาแล้ว 3 เกม แต่ยังถือว่าทำผลงานในยามเผชิญหน้ากับทีมใหญ่ๆ ได้ดีเหมือนกัน คาดว่ามีโอกาสลงเอยด้วยผลเสมอเพื่อแบ่งกันไปทีมละหนึ่งคะแนน
ผลที่คาด : ลิเวอร์พูล เสมอ อาร์เซนอล 1-1
บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับพรีเมียร์ลีกอังกฤษ
บทความนี้นับสนุนโดย Siam99 เว็บคาสิโนออนไลน์ที่นึ่งในประเทศไทยสมัครตอนนี้รับตั๋ว5ใบทันที