วิเคราะห์ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก นิวคาสเซิ่ล VS ลิเวอร์พูล

วิจารณ์บอลพรีเมียร์ลีก นิวคาสเซิ่ล VS ลิเวอร์พูล 18.02.2023

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

นิวคาสเซิ่ล VS ลิเวอร์พูล

สนาม : เซนต์ เจมส์ ปาร์ค

เวลา : 00.30 น.

นิวคาสเซิ่ล

ผลงาน 5 เกมหลังสุดในศึกพรีเมียร์ลีก

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : เสมอ อาร์เซนอล 0-0 (เยือน)

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ ฟูแล่ม 1-0 (เหย้า)

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : เสมอ คริสตัล พาเลซ 0-0 (เยือน)

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : เสมอ เวสต์แฮม 1-1 (เหย้า)

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : เสมอ บอร์นมัธ 1-1 (เยือน)

คาดว่ากุนซือ เอ็ดดี้ ฮาว จะปรับทัพบางตำแหน่ง เพื่อลุ้นเก็บชัยเกาะกลุ่ม “ท็อปโฟร์” ต่อไป โดยตอนนี้ยังอยู่อันดับ 4 แข่ง 22 นัด มี 41 คะแนน นำหน้า ท็อตแน่ม ทีมอันดับ 5 เพียงแค่ 2 คะแนนเท่านั้น   

11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 4-3-3

นิค โป๊ป, สเวน บ็อตแมน, ฟาเบียน ชาร์, แดน เบิร์น, คีแรน ทริปเปียร์, โจ วิลล็อค, ฌอน ลองสต๊าฟฟ์, โจลินตอน, อัลแล็ง แซงต์ มักซิแม็ง, มิเกล อัลมิรอน, อเล็กซานเดอร์ อิซัค

ผู้รักษาประตู : ไม่เปลี่ยนแปลงไปจาก นิค โป๊ป พร้อมยืนเฝ้าเสาเป็นตัวจริงในฐานะมือหนึ่งอยู่แล้ว ส่วนในรายของ มาร์ติน ดูบราฟก้า เตรียมนั่งเป็นตัวสำรอง เพราะถูกวางตัวให้เป็นมือสองอยู่แล้ว   

แนวรับ : พร้อมใช้งาน 4 ประสานเหมือนเดิม ไล่ตั้งแต่ สเวน บ็อตแมน ยืนเป็นกองหลังคู่กับ ฟาเบียน ชาร์ ส่วนแบ็กซ้ายยังคงเป็นหน้าที่ของ แดน เบิร์น โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ คีแรน ทริปเปียร์ ในตำแหน่งแบ็กขวา และยังคงเป็นแนวรับที่แข็งแกร่งที่สุดในศึกพรีเมียร์ลีกจากการเสียประตูน้อยที่สุดเพียงแค่ 13 ลูกเท่านั้น ทำให้ พอล ดัมเมตต์, ยามาล เลวิส, แฮร์ริสัน แอชบี้ และ ยามาล ลาสเซเลส เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองทั้งหมดเลย แต่หมดสิทธิ์ใช้งาน เอมิล คราฟธ์, แมตต์ ทาร์เก็ตต์ รวมถึง ฆาเบียร์ มานควิโญ่ ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ     

แดนกลาง : ยังคงไร้ บรูโน่ กีมาเรส ติดโทษแบนเป็นนัดที่ 2 จากทั้งหมด 3 เกม แต่มีลุ้นได้ โจ วิลล็อค ฟิตกลับมายืนคุมเกมร่วมกับ ฌอน ลองสต๊าฟฟ์ และ โจลินตอน ทำให้ ยาค็อบ เมอร์ฟีย์, เอลเลียต อันเดอร์สัน และ ไรอัน ฟราเซอร์ เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองตามเดิม  

แนวรุก : น่าจะได้ อัลแล็ง แซงต์ มักซิแม็ง ฟิตกลับมาสวมบทเป็นปีกซ้าย โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ มิเกล อัลมิรอน ในตำแหน่งปีกขวา และพร้อมให้ อเล็กซานเดอร์ อิซัค สวมบทเป็นกองหน้สตัวเป้าด้วยเช่นกัน ทำให้ คัลลัม วิลสัน และ แอนโธนี่ กอร์ดอน รวมถึง แมตต์ ริชชี่ เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองอยู่ที่ข้างสนามเหมือนนัดที่แล้ว

ลิเวอร์พูล

ผลงาน 5 เกมหลังสุดในศึกพรีเมียร์ลีก

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ เบรนท์ฟอร์ด 1-3 (เยือน)

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ ไบรท์ตัน 0-3 (เยือน)

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : เสมอ เชลซี 0-0 (เหย้า)

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ วูล์ฟแฮมป์ตัน 0-3 (เยือน)

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-0 (เหย้า)

คาดว่ากุนซือ เจอร์เกน คลอปป์ จะปรับทัพบางตำแหน่งเพื่อลุ้นเก็บชัยทำอันดับขึ้นไปอีก โดยตอนนี้ยังคงอยู่ตรงกลางตารางคะแนนในอันดับ 9 แข่ง 21 นัด มี 32 คะแนน แม้จะทำผลงานในภาพรวมได้ไม่น่าประทับใจเอาเสียเลย และมีปัญหานักเตะได้รับบาดเจ็บหลายคนเลยด้วย แต่ยังพร้อมจัดผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดลงสนาม เพราะใช้งานพวกแข้งหลักได้อีกหลายรายนั่นเอง   

11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 4-3-3

อลิสซอน เบ็คเกอร์, โจ โกเมซ, โจเอล มาทิป, แอนดี้ โรเบิร์ตสัน, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์, สเตฟาน บายเซติช, นาบี้ เกอิต้า, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, โคดี้ กัคโป, ดาร์วิน นูนเญซ, โมฮาเหม็ด ซาล่าห์

ผู้รักษาประตู : ยังคงเป็นหน้าที่ของมือหนึ่ง นั่นก็คือ อลิสซอน เบ็คเกอร์ พร้อมยืนเฝ้าเสาเป็นตัวจริงเหมือนเดิม ส่วนในรายของ ควีวิน เคลเลเฮอร์ นายด่านมือสองเตรียมนั่งเป็นตัวสำรองเหมือนอย่างนัดก่อน

แนวรับ : ไม่มี เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ยังต้องพักรักษาโรคเดี้ยงต่อไป เช่นเดียวกับ อิบราฮิม่า โกนาเต้ และ คัลวิน แรมซีย์ ยังไม่ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ จึงพร้อมให้ โจเอล มาทิป กับ โจ โกเมซ ลงไปยืนเป็นกองหลังคู่กันเหมือนเดิม ส่วนแบ็กซ้ายพร้อมให้ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ลงเล่นตั้งแต่นาทีแรกเหนือกว่า คอสตาส ซิมิคาส ซึ่งเตรียมนั่งเป็นตัวสำรองในตำแหน่งนี้ตามเดิม โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ในตำแหน่งแบ็กขวาอยู่แล้ว ทำให้ นาธาเนียล ฟิลลิปส์ รวมถึง เจมส์ มิลเนอร์ เตรียมนั่งเป็นตัวสแตนบายอยู่ที่ข้างสนามเหมือนเช่นเคย     

แดนกลาง : หมดสิทธิ์ใช้งาน ติอาโก้ อัลคานทาร่า ต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บอย่างน้อย 4 สัปดาห์ และต้อรอเช็กสภาพความฟิตของ ฟาบินโญ่ เจออาการป่วยตามเล่นงาน ส่วนในรายของ อาร์ตูร์ เมโล่ ยังอยู่ในช่วงฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมาฟิตสมบูรณ์แบบเต็มร้อยอีกครั้ง จึงพร้อมให้ นาบี้ เกอิต้า ลงไปยืนคุมเกมร่วมกับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน รวมถึง สเตฟาน บายเซติช มิดฟิลด์ดาวรุ่งที่ได้รับความไว้วางใจให้ลงเล่นเป็นตัวจริงแบบต่อเนื่องเลย ส่วนในรายของ เคอร์ติส โจนส์ กับ ฮาร์วีย์ เอลเลียต ยังคงต้องนั่งอยู่ที่ข้างสนามเพื่อรอโอกาสลงเล่นกันต่อไป     

แนวรุก : พร้อมใช้งาน 3 ประสานเหมือนเดิม โดยพร้อมให้ โคดี้ กัคโป สวมบทเป็นปีกซ้ายต่อไป ส่วนในรายของ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ พร้อมยืนประจำการในตำแหน่งปีกขวาเหมือนเดิม เพื่อประสานงานกับ ดาร์วิน นูนเญซ เตรียมสวมบทเป็นกองหน้าตัวเป้าอยู่แล้ว ทำให้ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ กับ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน เตรียมนั่งเป็นตัวสแตนบายอยู่ที่ข้างสนามเหมือนเดิม เพราะยังคงหมดสิทธิ์ใช้งานนักเตะหน้าเดิมๆ ที่เจอโรคเดี้ยงเล่นงานแบบยาวเป็นหางว่าวเลย ไม่ว่าจะเป็น ดิโอโก้ โจต้า, หลุยส์ ดิอาซ รวมถึง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ด้วยเช่นกัน     

สถิติการพบกันเอง

สำหรับคู่นี้เคยดวลแข้งกันในทุกรายการมาแล้วทั้งหมด 159 เกม ปรากฎว่า ลิเวอร์พูล มีสถิติเหนือกว่าอยู่เยอะเลย โดยเป็นฝ่ายชนะ 77 เกม เสมอ 40 เกม และแพ้ 42 เกม ส่วนผลการพบกันนัดล่าสุดในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2022 ปรากฎว่า “หงส์แดง” เปิดบ้านเฉือชนะ 2-1 สำหรับผลการพบกันในสนามแห่งนี้นัดล่าสุดเกิดขึ้นในศึกพรีเมียร์ลีกปี 2022 ปรากฎว่า นิวคาสเซิ่ล เป็นฝ่ายแพ้คาบ้าน 0-1 

สถิติที่เคยพบกัน 5 เกมหลังสุด

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2020 : นิวคาสเซิ่ล เสมอ ลิเวอร์พูล 0-0

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2021 : ลิเวอร์พูล เสมอ นิวคาสเซิ่ล 1-1

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2021 : ลิเวอร์พูล ชนะ นิวคาสเซิ่ล 3-1

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2022 : นิวคาสเซิ่ล แพ้ ลิเวอร์พูล 0-1

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2022 : ลิเวอร์พูล ชนะ นิวคาสเซิ่ล 2-1

ความน่าจะเป็น

แม้จะยังคงเกาะกลุ่มบนหัวตารางคะแนน แต่ว่า นิวคาสเซิ่ล กลายเป็นทีมที่พบกับชัยชนะได้แบบยากเย็นไปเสียแล้ว เพราะลงเอยด้วยผลเสมอมากที่สุดในศึกพรีเมียร์ลีกถึง 11 เกมเลยทีเดียว ส่วน ลิเวอร์พูล ยังคงเจอปัญหานักเตะได้รับบาดเจ็บหลายคน จึงส่งผลกระทบต่อฟอร์มการเล่นในภาพรวมไปด้วยเลย แต่ยังพร้อมเรียกฟอร์มเก่งกลับคืนมาได้ทุกเมื่อเหมือนกัน คาดว่าเกมคู่นี้มีโอกาสลงเอยด้วยผลเสมอได้เหมือนกัน

ผลที่คาด : นิวคาสเซิ่ล เสมอ ลิเวอร์พูล 1-1

บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับพรีเมียร์ลีกอังกฤษ

บทความนี้นับสนุนโดย Siam99 เว็บคาสิโนออนไลน์ที่นึ่งในประเทศไทยสมัครตอนนี้รับตั๋ว5ใบทันที

One thought on “วิเคราะห์ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก นิวคาสเซิ่ล VS ลิเวอร์พูล

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *