เอฟเอ คัพ รอบ 4
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ VS อาร์เซนอล
สนาม : อิติฮัด สเตเดี้ยม
เวลา : 03.00 น.
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ผลงาน 5 เกมหลังสุด
เอฟเอ คัพ รอบ 3 : ชนะ เชลซี 4-0 (เหย้า)
คาราบาว คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย : แพ้ เซาแธมป์ตัน 0-2 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-2 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ 4-2 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 3-0 (เหย้า)
คาดว่ากุนซือ “เป๊ป” โจเซฟ กวาร์ดิโอล่า จะปรับทัพจากเกมล่าสุดที่เปิดบ้านไล่ต้อน วูล์ฟแฮมป์ตัน 3-0 ในศึกพรีเมียร์ลีก เพื่อให้พวกตัวหลักในบางตำแหน่งได้พักอยู่ที่ข้างสนาม และเป็นการเปิดทางให้นักเตะสำรองได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในบางตำแหน่งเหมือนอย่างรอบที่แล้วนั่นเอง
11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 4-3-3
สเตฟาน ออร์เตก้า, มานูเอล อคานญี่, อายเมริก ลาปอร์ก, เซร์คิโอ โกเมซ, ไคล์ วอล์คเกอร์, โรดรี้, เควิน เดอ บรอยน์, อิลคาย กุนโดกาน, โคล พาลเมอร์, แบร์นาร์โด้ ซิลวา, ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ
ผู้รักษาประตู : ส่อให้มือหนึ่ง นั่นก็คือ เอแดร์ซอน โมราเอส ยืนเป็นตัวสำรองอยู่ที่ข้างสนามเพื่อให้ได้พักไปก่อน และน่าจะให้ สเตฟาน ออร์เตก้า นายด่านมือสองลงไปยืนเฝ้าเสาเป็นตัวจริง เพราะจะได้รับโอกาสให้ลงสนามในศึกฟุตบอลถ้วยอยู่แล้วด้วย
แนวรับ : ยังคงไร้ รูเบน ดิอาส ต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บไปก่อน จึงน่าจะให้ มานูเอล อคานญี่ ลงไปยืนเป็นกองหลังคู่กับ อายเมริก ลาปอร์ก ส่วนแบ็กซ้ายน่าจะให้ เซร์คิโอ โกเมซ ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ ไคล์ วอล์คเกอร์ ในตำแหน่งแบ็กขวา และน่าจะให้ นาธาน อาเก้, จอห์น สโตนส์, เจา คันเซโล่ รวมถึง ริโก้ เลวิส นั่งเป็นตัวสำรองไปก่อน
แดนกลาง : น่าจะให้ 3 มิดฟิลด์ตัวหลัก นั่นก็คือ โรดรี้, เควิน เดอ บรอยน์ และ อิลคาย กุนโดกาน ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงไปเลย เพราะว่าเป็น 3 ตัวหลักในแดนกลางอยู่แล้ว ส่วนในรายของ คัลวิน ฟิลลิปส์ รวมถึง ฟิล โฟเด้น เตรียมนั่งอยู่ที่ข้างสนามทั้งหมดเลย
แนวรุก : พร้อมดร็อป เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ เป็นตัวสำรอง เพื่อให้ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ลงไปยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า เพราะจะได้รับโอกาสให้ลงเล่นเป็นตัวจริงในศึกฟุตบอลถ้วยอยู่แล้ว ส่วนในรายของ โคล พาลเมอร์ น่าจะได้รับโอกาสให้ลงไปสวมบทเป็นปีกซ้าย โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ในตำแหน่งปีกขวา ทำให้ แจ็ค กรีลิช รวมถึง ริยาด มาห์เรซ เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองด้วยเช่นกัน
อาร์เซนอล
ผลงาน 5 เกมหลังสุด
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ ไบรท์ตัน 4-2 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : เสมอ นิวคาสเซิ่ล 0-0 (เหย้า)
เอฟเอ คัพ รอบ 3 : ชนะ อ็อกซ์ฟอร์ด 3-0 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ 2-0 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-2 (เหย้า)
คาดว่ากุนซือ มิเกล อาร์เตต้า จะปรับทัพบางตำแหน่งจากเกมล่าสุดที่เปิดบ้านชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-2 ในศึกพรีเมียร์ลีก โดยตอนนี้ยังคงรั้งตำแหน่งจ่าฝูงแบบยาวๆ จึงหวังเก็บชัยเพื่อผ่านเข้าสู่รอบต่อไป แต่นาจะพักแข้งหลักบางตำแหน่ง เพื่อเปิดโอกาสให้นักเตะสำรอง และพวกดาวรุ่งได้ออกสตาร์ทเป็นตัวสำรองเหมือนอย่างรอบที่แล้ว เพราะจะให้ลงสนามในศึกฟุตบอลถ้วยอยู่แล้วนั่นเอง
11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 4-3-3
แมตต์ ทูร์เนอร์, วิลเลียม ซาลิบา, กาเบรียล มากัลเญส, คีแรน เทียร์นีย์, ทาเคฮิโร่ โทมิยาสุ, มาร์ติน โอเดการ์ด, โธมัส ปาร์เตย์, โมฮาเหม็ด เอลเนนี่, บูกาโย่ ซาก้า, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่, เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์
ผู้รักษาประตู : น่าจะดร็อปมือหนึ่ง นั่นก็คือ อารอน แรมส์เดล เป็นตัวสำรองเพื่อให้พักไปก่อน โดยพร้อมให้ แมตต์ ทรูเนอร์ นายทวารมือสองได้ลงไปยืนเฝ้าเสาเป็นตัวจริงเหมือนอย่างรอบที่แล้วไปเลย
แนวรับ : พร้อมให้ วิลเลียม ซาลิบา ยืนเป็นกองหลังคู่กับ กาเบรียล มากัลเญส ส่วนแบ็กซ้ายน่าจะให้ คีแรน เทียร์นีย์ กลับมาออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเพื่อให้เป็นตัวเลือกแรกเหนือกว่า โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ ทาเคฮิโร่ โทมิยาสุ ซึ่งน่าจะได้ลงเล่นในตำแหน่งนี้ตั้งแต่นาทีแรก เพื่อให้ เบน ไวท์ ได้พักเป็นตัวสแตนบายอยู่ที่ข้างสนาม ทำให้ ร็อบ โฮลดิ้ง รวมถึง เชดริก โซอาเรส เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองเหมือนเดิม
แดนกลาง : ส่อพัก กรานิท ชาก้า เพื่อให้ โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ ได้ลงไปเล่นเป็นตัวจริงเพื่ออคุมเกมร่วมกับ โธมัส ปาร์เตย์ แต่พร้อมให้ มาร์ติน โอเดการ์ด ลงไปเป็นตัวขับเคลื่อนเกมในเกมที่ต้องเผชิญหน้ากับทีมใหญ่ๆ ไปเลย ส่วนในรายของ อัลแบร์ แซมบี้ โลกองก้า, ฟาบิโอ วิเอร่า รวมถึง เอมิล สมิธ โรว์ เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองไปก่อน
แนวรุก : ยังคงไร้ กาเบรียล เชซุส ต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บหัวเข่าเหมือนเช่นเคย จึงพร้อมให้ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ สวมบทเป็นกองหน้าตัวเป้าต่อไป เพราะกำลังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมจากการยิงประตูได้แบบต่อเนื่องเลย โดยตัวริมเส้นทั้งสองฝั่งไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลง โดยพร้อมให้ บูกาโย่ ซาก้า ยืนเล่นในตำแหน่งปีกซ้าย และเตรียมส่ง กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ สวมบทเป็นปีกขวาด้วยเช่นกัน ทำให้ มาร์ควินญอส เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองตามเดิม ส่วนในรายของ รีสส์ เนลสัน ยังไม่หายเดี้ยง จึงหมดสิทธิ์ลงสนามอยางแน่นอน
สถิติการพบกันเอง
สำหรับคู่นี้เคยดวลแข้งกันในทุกรายการมาแล้วทั้งหมด 185 เกม ปรากฎว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีสถิติเป็นรองอยู่พอสมควร โดยเป็นฝ่ายชนะ 54 เกม เสมอ 42 เกม และแพ้ 89 เกม ส่วนผลการพบกันนัดล่าสุดในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2022 ปรากฎว่า “เรือใบสีฟ้า” บุกไปชนะ 2-1 สำหรับผลการพบกันนัดล่าสุดที่สนามแห่งนี้ในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2021 ปรากฎว่า อาร์เซนอล บุกไปชนะ 0-5
สถิติที่เคยพบกัน 5 เกมหลังสุด
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2020 : แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะ อาร์เซนอล 1-0
คาราบาว คัพ ปี 2020 : อาร์เซนอล แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-4
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2021 : อาร์เซนอล แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-1
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2021 : แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะ อาร์เซนอล 5-0
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2022 : อาร์เซนอล แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-2
ความน่าจะเป็น
ตอนนี้ อาร์เซนอล ยังคงอยู่ในช่วงฟอร์มเข้าฝัก และยังนำโด่งเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกเหนือกว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งตามมาเป็นอันดับ 2 นั่นเอง แต่คาดว่าทั้งสองทีมไม่น่าจะจัดผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนามในศึกฟุตบอลเอฟเอ คัพ อยู่แล้ว เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้นักเตะตัวสำรองได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในบางตำแหน่ง แต่ “ปืนใหญ่” พร้อมให้พวกตัวหลักออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในแนวรุกค่อนข้างแน่ ส่วน “เรือใบสีฟ้า” น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงผู้เล่นในแดนหน้า แต่ว่าถือความได้เปรียบในฐานะเจ้าบ้านจากการที่ได้ลงเล่นในถิ่นตัวเอง คาดว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ น่าจะเป็นฝ่ายเก็บชัยได้แบบหวุดหวิด
ผลที่คาด : แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะ อาร์เซนอล 2-1
บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับพรีเมียร์ลีกอังกฤษ
บทความนี้นับสนุนโดย Siam99 เว็บคาสิโนออนไลน์ที่นึ่งในประเทศไทยสมัครตอนนี้รับตั๋ว5ใบทันที