“ยูเวนตุส” ได้แต้มคืนเพื่อลุ้นท็อปโฟร์กันแบบดุเดือด

ยูเวนตุส ได้แต้มคืนเพื่อลุ้นท็อปโฟร์กันแบบดุเดือด

เคยหลุดออกจากวงโคจรลุ้นพื้นที่ “ท็อปโฟร์” ใน 4 อันดับแรกบนหัวตารางคะแนนกัลโช่ เซเรีย อา ด้วยข้อหาปลอมแปลงตัวเลขทางการเงินในบัญชีรายรับของสโมสร จึงถูกศาลตัดสินลงโทษตามคำร้องของ สหพันธ์ฟุตบอลอิตาลี เพื่อให้หัก 15 คะแนนจากข้อหาที่มีการตรวจสอบเบี้องต้นแล้วพบว่าทุจริตเมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา และมีคำสั่งลงโทษแบนบรรดาผู้บริหารของสโมสรด้วยการห้ามยุ่งเกี่ยวกับวงการลูกหนังทั่วโลกแบบต่างกรรมต่างวาระกันไป ทำให้ “ม้าลาย” ยูเวนตุส ต้องจำใจหลุดจากกลุ่ม “ท็อปโฟร์” และกลายเป็นทีมตรงกลางตารางคะแนนไปแบบชอกช้ำใจเหลือเกิน และปล่อยให้ 2 ทีมดังแห่งเมืองหลวงในกรุงโรม นั่นก็คือ ลาซิโอ กับ โรม่า รวมถึง 2 ทีมยักษ์ใหญ่แห่งเมืองมิลาน นั่นก็คือ เอซี มิลาน กับ อินเตอร์ มิลาน ต้องเบียดแย่งอันดับ 2, อันดับ 3 และอันดับ 4 เพื่อคว้าสิทธิ์ไปโชว์ฝีเท้าในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ช่วงฤดูกาลหน้ากันต่อไป หากไม่นับรวม นาโปลี ซึ่งยังคงนำโด่งเป็นจ่าฝูงในฐานะอันดับ 1 แบบเหนียวแน่น จึงมีโอกาสขยับเข้าป้ายแชมป์ประจำฤดูกาลนี้ได้มากขึ้นเรื่อยๆ เลยด้วย  

แต่ตอนนี้ ยูเวนตุส ได้ทะยานกลับคืนสู่บนหัวตารางคะแนนกัลโช่ เซเรีย อา อีกรอบ เนื่องจาก คณะกรรมการโอลิมปิกของอิตาลี ซึ่งเป็นองค์กรกีฬาที่มีอำนาจมากที่สุดในเมืองมะกะโรนีได้ออกคำสั่งยกเลิกโทษตัดคะแนนดังกล่าวในช่วงหลังจากที่มีการยื่นเรื่องอุทธรณ์เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ และสั่งให้ สหพันธ์ฟุตบอลอิตาลี กลับไปพิจารณาคดีของ “ม้าลาย” กันใหม่อีกครั้ง ซึ่งคาดว่าอาจจะกินเวลาไปจนถึงช่วงฤดูกาลหน้าโน้นเลย แต่ในช่วงระหว่างนี้ให้คืนคะแนนที่ริบมาทั้งหมดกลับไปด้วยเลย ทำให้ ยูเวนตุส ได้ขยับจากตรงกลางตารางคะแนนขึ้นไปเกาะกลุ่ม 4 อันดับแรกได้เหมือนอย่างที่ควรจะเป็นอีกครั้ง หากจะว่าไปแล้ว “ม้าลาย” ทำผลงานในช่วงฤดูกาลนี้ได้แบบขึ้นๆ ลงๆ เหมือนกับ “รถไฟเหาะตีลังกา” เพราะโชว์ฟอร์มในช่วงออกสตาร์ทซีซั่นนี้ได้ไม่ค่อยแจ่มเสียเท่าไรนัก จึงต้องวนเวียนอยู่ในโซนกลางตารางคะแนนมาแล้วด้วย แต่ว่าหลังจากนั้นได้ค่อยๆ รีดฟอร์มเก่งจนได้ขยับขึ้นไปเกาะกลุ่ม “ท็อปโฟร์” จากการยึดตำแหน่งรองจ่าฝูงได้ในช่วงก่อนที่จะถูกลงโทษตัดคะแนน และได้หล่นลงไปไกลถึงอันดับ 13 ในช่วงหลังจากที่ถูกลงโทษตัดแต้มเรียบร้อยแล้ว แต่ยังคงฮึดสู้จากการเร่งฟอร์มจนสามารถเก็บชัยชนะได้แบบต่อเนื่อง และได้ขยับขึ้นไปรั้งอันดับ 7 แบบมีลุ้นคว้าโควตาไปโชว์ฝีเท้าในศึกฟุตบอลสโมสรยุโรปสักหนึ่งรายการได้เหมือนกัน แต่ยังคงต้องไล่ตามพื้นที่ “ท็อปโฟร์” ใน 4 อันดับแรกอยู่ห่างพอสมควร                

โดยก่อนหน้านี้ ลาซิโอ กับ โรม่า รวมถึง เอซี มิลาน กับ อินเตอร์ มิลาน คือ 4 ทีมลูกหนังที่ผลัดกันวนเวียนอยู่ในกลุ่ม “ท็อปโฟร์” เพื่อแย่งชิงอันดับ 2, อันดับ 3 และอันดับ 4 ในช่วงที่ ยูเวนตุส ถูกลงโทษตัดแต้มจนต้องหล่นลงไปอยู่ตรงกลางคะแนน ซึ่งเท่ากับว่าตอนนั้นจะต้องมีหนึ่งทีมที่อกหักในช่วงบั้นปลาย แต่ว่าตอนนี้อาจจะมีถึง 2 ทีมที่หลุดโผได้เหมือนกัน และอาจจะเป็นทั้ง 2 ทีมจากกรุงโรม หรือทั้ง 2 ทีมจากเมืองมิลานได้เลยด้วย เพราะว่ามีคะแนนเกาะกลุ่มแบบหายใจรดต้นคอกันเลยนั่นเอง ทำให้ผลการแข่งขันในแต่ละสัปดาห์จะมีผลต่ออันดับบนหัวตารางคะแนนด้วยเช่นกัน หากว่าทีมไหนต้องพบกับความพ่ายแพ้ก็จะมีโอกาสปิ๋วในช่วงบั้นปลายได้เลย เนื่องจาก ยูเวนตุส ได้หวนกลับมาเป็นอีกหนึ่งผู้ท้าชิงในกลุ่ม “ท็อปโฟร์” อีกครั้งหนึ่งนั่นเอง

ถ้าลองดูบนหัวตารางในอันดับรองลงมาจะเห็นได้ว่า 2 ทีมคู่ปรับแห่งกรุงโรม นั่นก็คือ ลาซิโอ กับ โรม่า สามารถผงาดขึ้นไปเกาะกลุ่มหัวแถวได้ด้วยเช่นกัน และเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ได้เห็น 2 ทีมดังกล่าวเกาะกลุ่ม “ท็อปโฟร์” ใน 4 อันดับแรกได้แบบพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง นับตั้งแต่หนล่าสุดที่เคยเกิดขึ้นเมื่อตอนหลังจบฤดูกาล 2014/2015 โน้นเลย หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นทีของ 2 ทีมคู่อริร่วมเมืองหลวงของประเทศอิตาลีได้เหมือนกัน หลังจากที่ปล่อยให้ 2 ทีมคู่ปรับร่วมเมืองมิลาน นั่นก็คือ เอซี มิลาน รวมถึง อินเตอร์ มิลาน ได้ฟื้นคืนชีพจากการผ่านช่วงเวลาแห่งความตกต่ำ และได้หวนกลับคืนสู่กลุ่มหัวแถวบนหัวตารางคะแนนกัลโช่ เซเรีย อา ได้เหมือนอย่างที่คุ้นเคยอีกครั้งในช่วงไม่กี่ฤดูกาลที่ผ่านมานี่เอง โดยตอนนี้ ลาซิโอ ได้ผงาดขึ้นไปตำแหน่งรองจ่าฝูงได้แบบเซอร์ไพรส์มากๆ ส่วน โรม่า ยังคงวนเวียนอยู่ใน 4 อันดับแรกได้ตลอดเลยด้วย

ย้อนหลังกลับไปในยุค Y2K ตอนช่วงปลายทศวรรษ 90 ไปจนถึงช่วงเข้าสู่ยุคปี 2000 ตอนนั้น ลาซิโอ กับ โรม่า คือ 2 ทีมหัวแถวในกลุ่มลุ้นแชมป์ลีกสูงสุดเมืองมะกะโรนี ซึ่งต้องขับเคี่ยว 2 ทีมคู่ปรับแห่งเมืองมิลาน รวมถึง ยูเวนตุส ด้วยเช่นกัน โดยในยุคนั้น ลาซิโอ อยู่ภายใต้การบริหารงานของ แซร์โจ้ ครันญ็อตติ มหาเศรษฐีชาวอิตาเลียนที่มั่งคั่งจากการทำธุรกิจด้านผลิตอาหาร จึงกลายเป็นทีมร่ำรวยจากการทุ่มเงินซื้อนักเตะฝีเท้าดีในช่วงยุคนั้นเข้ามาเสริมทัพแบบล้นทีมเลย ซี่งเป็นผู้เล่นระดับตำนานของวงการลูกหนังโลกทั้งนั้นเลยด้วย ไม่ว่าจะเป็น อเลสซานโดร เนสต้า, ฮวน เซบาเตียน เวรอน, พาเวล เนดเวด, มาร์เซโล ซาลาส, คริสเตียน วิเอรี่ รวมถึงกุนซือทีมชาติอิตาลีคนปัจจุบัน นั่นก็คือ โรแบร์โต้ มันชินี่ ซึ่งเคยเป็นอดีตกองหน้าระดับพระกาฬมาก่อนด้วยเช่นกัน และดึงตัว สเวน โกรัน อีริคส์สัน ยอดกุนซือชาวสวีดิชในยุคนั้นให้เข้ามาช่วยทีมด้วย จึงสามารถผงาดคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา ในช่วงหลังจบฤดูกาล 1999/2000 ได้สำเร็จ

ส่วน โรม่า ในยุคนั้นอยู่ภายใต้การดูแลของ ฟรังโก้ เซนซี่ มหาเศรษฐีชาวอิตาเลียนที่มั่งคั่งจากการทำธุรกิจน้ำมัน จึงได้ลงทุนคว้าพวกนักเตะฝีเท้าดีในยุคนั้นเข้ามาเสริมทัพเพื่อแข่งกับทีมคู่ปรับร่วมเมืองเดียวกันนั่นเอง โดยเฉพาะการทุ่มเงินดึง กาเบรียล บาติสตูต้า ตำนานดาวยิงทีมอาร์เจนติน่าเข้ามาช่วยยืนล่าตาข่ายร่วมกับ 3 สุดยอดกองหน้าทีมชาติอิตาลีในยุคนั้น ไล่ตั้งแต่ มาร์โก เดลเวกคิโอ, วินเชนโซ่ มอนเตล่า รวมถึง ฟรานเชสโก้ ต็อตติ ด้วยเช่นกัน และดึงตัว ฟาบิโอ คาเปลโล่ ยอดกุนซือชาวอิตาเลียนให้เข้ามาคุมทีมด้วย จึงสามารถผงาดคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา ต่อจาก ลาซิโอ ในช่วงหลังจบฤดูกาล 2000/2001 ได้สำเร็จ

หลังจากนั้น ลาซิโอ ประสบปัญหาเรื่องการเงินอย่างหนัก และค่อยๆ กลายเป็นทีมระดับกลางตารางคะแนนในช่วงหลังจากที่ขายพวกดาวดังชุดแชมป์ออกไปแบบยกทีมเลย โดยหนล่าสุดที่สามารถเกาะกลุ่ม “ท็อปโฟร์” จากการจบด้วยอันดับ 3 ในช่วงหลังฤดูกาล 2014/2015 หรือเมื่อ 8 ปีก่อนนั่นเอง ส่วน โรม่า ยังคงประคองตัวให้อยู่ในกลุ่มหัวแถวเอาไว้ได้ โดยจบด้วยอันดับ 2 ในฐานะรองแชมป์อยู่หลายฤดูกาลเลยด้วย แต่กลับฟอร์มแผ่วในช่วง 4 ฤดูกาลหลังสุด จึงหลุดโผจาก 4 อันดับแรกมาโดยตลอด ตอนนี้ ลาซิโอ อยู่ภายใต้การคุมทีมของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ กุนซือจอมเก๋าชาวอิตาเลียน และนำทัพโดย ชิโร่ อิมโมบิเล่ ดาวยิงสูงสุดของสโมสรคนปัจจุบัน ส่วน โรม่า อยู่ภายใต้การคุมทัพของ โจเซ่ มูรินโญ่ กุนซือจอมเก๋าชาวโปรตุกีสที่สามารถพาทีมคว้าแชมป์สโมสรยุโรปได้ครั้งแรกจากการชูถ้วยใบใหม่สุด นั่นก็คือ แชมป์ยูฟ่า ยูโรปา คอนเฟรนซ์ลีก ได้เป็นทีมแรกเมื่อช่วงฤดูกาลก่อนนั่นเอง

เท่ากับว่าการคืนแต้มให้กับ “ม้าลาย” เป็นเหมือนการปลุกกลุ่มหัวแถวของศึกกัลโช่ เซเรีย อา ให้กลับมาคึกคักจากการที่ต้องเบียดแย่งพื้นที่ “ท็อปโฟร์” ใน 4 อันดับแรกกันแบบสนุกจนถึงช่วงจบฤดูกาลนี้อย่างแน่นอน หากไม่นับ นาโปลี ซึ่งได้จองอันดับ 1 ในฐานะว่าที่แชมป์ จึงเหลืออันดับ 2, อันดับ 3 และอันดับ 4 ให้อีก 5 ทีมได้แย่งชิงกันเอง ไลตั้งแต่ ลาซิโอ, โรม่า, เอซี มิลาน, อินเตอร์ มิลาน รวมถึง ยูเวนตุส ด้วยเช่นกัน และจะมีผู้สมหวังเพียง 3 ทีมเท่านั้น ส่วนอีก 2 ทีมจะต้องกลายเป็นผู้อกหักในช่วงท้ายที่สุด 

บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับเซเรียอา

บทความนี้นับสนุนโดย Siam99 เว็บคาสิโนออนไลน์ที่นึ่งในประเทศไทยสมัครตอนนี้รับตั๋ว5ใบทันที

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *