วิเคราะห์ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล VS น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์

วิเคราะห์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล VS น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 22.04.2023

“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ส่อได้ ติอาโก้ อัลคานทาร่า ฟิตกลับมายืนคุมแดนกลาง และอาจจะให้ ดาร์วิน นูนเญซ กลับมาช่วยแนวรุกนัดต้อนรับ “เจ้าป่า” น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันที่ 22 เม.ย.นี้  

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

ลิเวอร์พูล VS น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์

สนาม : แอนฟิลด์

เวลา : 21.00 น.

ลิเวอร์พูล

ผลงาน 5 เกมหลังสุดในศึกพรีเมียร์ลีก

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ บอร์นมัธ 0-1 (เยือน)

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-4 (เยือน)

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : เสมอ เชลซี 0-0 (เยือน)

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : เสมอ อาร์เซนอล 2-2 (เหย้า)

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด 6-1 (เยือน)

คาดว่ากุนซือ เจอร์เกน คลอปป์ จะปรับทัพบางตำแหน่ง เพื่อลุ้นคว้าชัยตามล่าพื้นที่ได้สิทธิ์ไปเล่นในศึกฟุตบอลสโมสรยุโรปช่วงฤดูกาลหน้า โดยตอนนี้อยู่อันดับ 8 แข่ง 29 นัด มี 44 คะแนน แม้จะมีนักเตะเจอโรคเดี้ยงอยู่หลายราย แต่ว่าเป็นพวกหน้าเดิมๆ ที่ต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บอยู่แล้ว ส่วนพวกแข้งหลักยังคงพร้อมออกสตาร์ทเป็นตัวจริงได้เกือบทั้งหมด และได้แข้งดังบางรายหายเจ็บกลับมาช่วยทีมได้แล้วด้วย

11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 4-3-3

อลิสซอน เบ็คเกอร์, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, โจเอล มาทิป, แอนดี้ โรเบิร์ตสัน, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์, ฟาบินโญ่, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ติอาโก้ อัลคานทาร่า, โคดี้ กัคโป, โมฮาเหม็ด ซาล่าห์, ดาร์วิน นูนเญซ

ผู้รักษาประตู : พร้อมให้ อลิสซอน เบ็คเกอร์ ยืนเฝ้าเสาเป็นมือหนึ่งเพื่อออกสตาร์ทเป็นตัวจริงตั้งแต่นาทีแรกเหมือนเดิม ส่วนในรายของมือสอง นั่นก็คือ ควีวิน เคลเลเฮอร์ เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองตามเดิม

แนวรับ : เตรียมให้ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ยืนเป็นแกนหลักในแดงหลัง และน่าจะให้ โจเอล มาทิป กลับมายืนคู่กันอีกครั้ง เนื่องจาก อิบราฮิม่า โกนาเต้ ไม่ฟิตสมบูรณ์แบบเต็มร้อย ส่วนแบ็กซ้ายพร้อมให้ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ลงไปยืนประจำการเหมือนเช่นเคย โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ในตำแหน่งแบ็กขวา จึงไม่น่าจะได้เห็น คอสตาส ซิมิคาส, โจ โกเมซ, เจมส์ มิลเนอร์ และ นาธาเนียล ฟิลลิปส์ ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง เพราะเตรียมนั่งเป็นตัวสำรองทั้งหมดเลย ขณะที่ คัลวิน แรมซีย์ ยังคงต้องพักรักษาโรคเดี้ยงต่อไป  

แดนกลาง : ได้ ติอาโก้ อัลคานทาร่า ฟิตกลับมาช่วยยืนคุมแผงมิดฟิลด์ร่วมกับ ฟาบินโญ่ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ส่วนในรายของ สเตฟาน บายเซติช กับ นาบี้ เกอิต้า ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ ขณะที่ เคอร์ติส โจนส์ กับ ฮาร์วีย์ เอลเลียต เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองไปก่อน แต่ไม่น่าจะได้เห็น อาร์ตูร์ เมโล่ กลับมานั่งอยู่ที่ข้างสนาม เพราะยังคงอยู่ในช่วงฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมาฟิตสมบูรณ์แบบเต็มร้อยนั่นเอง       

แนวรุก : มีลุ้นได้ หลุยส์ ดิอาซ ฟิตกลับมาช่วยทีมอีกครั้ง แต่ว่าน่าจะมีโอกาสกลับมานั่งเป็นตัวสำรองเท่านั้น เพราะว่ามีสภาพร่างกายไม่ฟิตสมบูรณ์มากพอสำหรับการกลับมาลงสนามเป็นตัวจริง จึงพร้อมให้ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ลงไปสวมบทเป็นตัวรุกทางริมเส้นด้านขวา โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ ดาร์วิน นูนเญซ น่าจะได้กลับมายืนในตำแหน่งตัวริมเส้นฝั่งซ้าย และน่าจะให้ โคดี้ กัคโป ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า ทำให้ ดิโอโก้ โจต้า, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน, ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ เตรียมนั่งเป็นตัวสแตนบายอยู่ที่ข้างสนามเหมือนเช่นเคย

น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์

ผลงาน 5 เกมหลังสุดในศึกพรีเมียร์ลีก

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ นิวคาสเซิ่ล 1-2 (เหย้า)

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : เสมอ วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-1 (เหย้า)

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ ลีดส์ ยูไนเต็ด 1-2 (เยือน)

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ แอสตัน วิลล่า 0-2 (เยือน)

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-2 (เหย้า)

คาดว่ากุนซือ สตีฟ คูเปอร์ จะปรับทัพบางตำแหน่ง เพื่อลุ้นเก็บชัยหนีการตกชั้นต่อไป และจะได้กลับมาคว้าชัยชนะให้ได้อีกครั้ง หลังสะกดคำว่าชนะในศึกพรีเมียร์ลีกไม่เป็นมาแล้วถึง 10 เกมติตต่อกัน และพบกับความพ่ายแพ้มาแล้วถึง 3 เกมซ้อนเลยด้วย โดยตอนนี้ยังอยู่อันดับ 18 แข่ง 31 นัด มี 27 คะแนน แต่ว่ามีปัญหาในเรื่องของการจัดทัพอยู่พอสมควร เพราะมีนักเตะได้รับบาดเจ็บเพียบเลย จึงยังใช้งานพวกแข้งหลักได้อีกหลายคน

11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 3-4-1-2

เคย์ลอร์ นาวาส, มุสซ่า เนียคาเต้, เฟลิเป้, สกอตต์ แม็คเคนน่า, เรโม ฟรอยเลอร์, ดานิโล่, เรนาน โลดี้, เนโก้ วิลเลี่ยมส์, มอร์แกน กิ๊บบ์ส-ไวท์, เบรนแนน จอห์นสัน, ไตโว อิโวนิยี่  

ผู้รักษาประตู : เตรียมได้เห็น เคย์ลอร์ นาวาส ยืนเฝ้าเสาเป็นตัวจริงในฐานะมือหนึ่งต่อไป ทำให้มือสอง นั่นก็คือ เวย์น เฮนเนสซีย์ ยังคงต้องนั่งเป็นสำรองเหมือนอย่างนัดที่แล้ว เนื่องจาก ดีน เฮนเดอร์สัน นายด่านอีกหนึ่งรายยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ  

แนวรับ : ไม่มี วิลลี่ โบลี่, กีลิยัน เบียนโคเน่, และ โอมาร์ ริชาร์ดส ต้องพักรักษาโรคเดี้ยงไปก่อน จึงน่าจะให้ มุสซ่า เนียคาเต้, เฟลิเป้ และ สกอตต์ แม็คเคนน่า ลงไปยืนเป็นกองหลังเหมือนอย่างนัดที่แล้ว ทำให้ สตีฟ คุ้ก, โจ วอร์เรลล์ รวมถึง แฮร์รี่ ตอฟโฟโล่ เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองทั้งหมดเลย   

แดนกลาง : หมดสิทธิ์ใช้งาน ไรอัน เย็ตส์, ชีกฮู คูยาเต้ รวมถึง กุสตาโว สคาร์ปา ยังไม่หายจากโรคเดี้ยง จึงพร้อมให้ เรโม ฟรอยเลอร์ กับ ดานิโล่ ลงไปยืนคุมเกมร่วมกันเหมือนอย่างนัดก่อน ส่วนวิงแบ็กซ้ายยังคงเป็นหน้าที่ของ เรนาน โลดี้ โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ เนโก้ วิลเลี่ยมส์ ในตำแหน่งวิงแบ็กฝั่งขวา เนื่องจาก แซร์จ ออริเย่ร์ ยังไม่หายจากโรคเดี้ยงนั่นเอง ขณะที่ โอเรล มองกาล่า, จอนโจ้ เชลวีย์, แจ็ค โคลเบ็ค, รวมถึง คาฟู เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองทั้งหมดเลย      

แนวรุก : ขาดเพียงแค่ คริส วู้ด ต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บไปก่อน แต่พร้อมให้ มอร์แกน กิ๊บบ์ส-ไวท์ ลงไปสวมบทเป็นเพลย์เมกเกอร์ในฐานะตัวปั้นเกม และพร้อมให้ เบรนแนน จอห์นสัน ยืนเป็นกองหน้าคู่กับ ไตโว อิโวนิยี่ เหมือนอย่างนัดที่แล้ว ส่วนในรายของ แซม สเตอร์ริดจ์, อเล็กซ์ มิคเท่น, เอมมานูเอล เดนนิส, ลีล เทย์เลอร์, เจสซี่ ลินการ์ด รวมถึง อังเดร อายิว ไม่น่าจะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงอยู่แล้ว และเตรียมได้นั่งเป็นตัวสำรองกันต่อไป   

สถิติการพบกันเอง

สำหรับคู่นี้เคยดวลแข้งกันในทุกรายการมาแล้วทั้งหมด 84 เกม ปรากฎว่า ลิเวอร์พูล มีสถิติเหนือกว่าเยอะเลย โดยเป็นฝ่ายชนะ 41 เกม เสมอ 23 เกม และแพ้ 20 เกม ส่วนผลการพบกันนัดล่าสุดในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2022 ปรากฎว่า “หงส์แดง” บุกไปแพ้ 0-1 สำหรับผลการพบกันในสนามแห่งนี้นัดล่าสุดเกิดขึ้นในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อปี 1998 ปรากฎว่า น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ บุกไปแพ้แบบยับเยินถึง 1-5

สถิติที่เคยพบกัน 5 เกมหลังสุด

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 1997 : น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ เสมอ ลิเวอร์พูล 1-1

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 1998 : ลิเวอร์พูล ชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 5-1

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 1999 : น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ เสมอ ลิเวอร์พูล 2-2

เอฟเอ คัพ รอบ 4 ปี 2022 : น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ แพ้ ลิเวอร์พูล 0-1

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2022 : น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ชนะ ลิเวอร์พูล 1-0

ความน่าจะเป็น

ยังตามหาฟอร์มเก่งไม่เจอเสียที แต่ ลิเวอร์พูล เป็นทีมเล่นในบ้านได้ดีอยู่แล้ว จึงสามารถไว้ใจเรื่องผลงานในยามลงเล่นบนถิ่นตัวเองได้อยู่แล้ว ส่วน น็อตติ้งแฮม ฟอเรตส์ ต้องหนีตกชั้นอย่างหนัก แต่กลับฟอร์มหลุดแบบต่อเนื่องจากการไม่พบกับชัยชนะมาแล้วถึง 10 เกมซ้อน คาดว่า “หงส์แดง” น่าจะเก็บชัยในถิ่นของตัวเองเอาไว้ได้ 

ผลที่คาด : ลิเวอร์พูล ชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 2-0

บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับพรีเมียร์ลีกอังกฤษ

บทความนี้นับสนุนโดย Siam99 เว็บคาสิโนออนไลน์ที่นึ่งในประเทศไทยสมัครตอนนี้รับตั๋ว5ใบทันที

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *