พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด VS แมนเชสเตอร์ ซิตี้
สนาม : โอลด์ แทรฟฟอร์ด
เวลา : 19.30 น.
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ผลงาน 5 เกมหลังสุดในศึกพรีเมียร์ลีก
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ แอสตัน วิลล่า 1-3 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ ฟูแล่ม 2-1 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 3-0 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-0 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ บอร์นมัธ 3-0 (เหย้า)
คาดว่ากุนซือ เอริค เทน ฮาก จะปรับทัพบางตำแหน่งจากเกมล่าสุดในศึกพรีเมียร์ลีกที่เปิดบ้านชนะ บอร์นมัธ 3-0 เพื่อลุ้นเก็บชัยแซงหน้า นิวคาสเซิ่ล ขึ้นไปรั้งอันดับ 3 เพราะตอนนี้อยู่อันดับ 4 แข่ง 17 นัด มี 35 คะแนน เท่ากับ นิวคาสเซิ่ล ทีมอันดับ 3 ซึ่งมีคิวลงเตะในวันถัดไปเพียงแค่แต้มเดียวเท่านั้น แต่มีผลต่างประตูได้เสียเป็นรองอยู่ถึง 14 แต้มเลยทีเดียว จึงพร้อมให้พวกแข้งหลักลงสนามทั้งหมดเลย เพราะไม่มีนักเตะได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติม
11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 4-2-3-1
ดาบิด เด เคอา, ราฟาเอล วาราน, ลิซานโดร มาร์ติเนซ, ลุค ชอว์, ดิโอโก้ ดาโลท์, คาเซมิโร่, คริสเตียน อีริคเซ่น, แอนโทนี่, บรูโน่ แฟร์นันเดส, มาร์คัส แรชฟอร์ด, อองโตนี่ มาร์กซิยัล
ผู้รักษาประตู : พร้อมให้ ดาบิด เด เคอา พร้อมยืนเฝ้าเสาเป็นตัวจริงต่อไป เพราะถูกวางตัวให้สวมบทเป็นมือหนึ่งแบบไม่มีการเปลี่ยนแปลง ส่วนในรายของ แจ็ค บัตแลนด์ นายทวารที่เพิ่งยืมตัวมาจาก คริสตัล พาเลซ เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองอยู่ที่ข้างสนามเช่นเดียวกับ ทอม ฮีตัน เหมือนเดิม
แนวรับ : น่าจะได้ ลิซานโดร มาร์ติเนซ กับ ราฟาเอล วาราน ลงไปยืนเป็นกองหลังคู่กัน ส่วนในรายของ วิคเตอร์ ลินเดเลิฟ กับ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองเหมือนเช่นเคย ขณะที่แบ็กซ้ายพร้อมให้ ลุค ชอว์ เป็นตัวเลือกอันดับแรกเหนือกว่า ไทเรลล์ มาลาเซีย อยู่แล้ว ขณะที่แบ็กขวาน่าจะให้ ดิโอโก้ ดาโลต์ เพิ่งหายเจ็บพร้อมกลับมายืนประจำการอีกครั้ง จึงเตรียมให้ อารอน วาน-บิสซาก้า กลับไปนั่งเป็นตัวสำรองในตำแหน่งนี้อีกครั้ง
แดนกลาง : ยังคงเป็นหน้าที่ของ คาเซมิโร่ พร้อมลงไปยืนเป็นตัวคุมเกมร่วมกับ คริสเตียน อีริคเซ่น เพราะถูกงางตัวให้เป็น 2 คู่หูในแผงมิดฟิลด์ไปแล้ว ทำให้ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ รวมถึง เฟรด เตรียมนตั่งเป็นตัวสำรองตามเดิม ส่วนในรายของ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ต้องพักฟื้นสภาพร่างกายไปก่อน เพราะว่ามีอาการบาดเจ็บรบกวนนั่นเอง และพร้อมให้ บรูโน่ แฟร์นันเดส เตรียมสวมบทเป็นเพลย์เมกเกอร์ในฐานะตัวปั้นเกมตามปกติ
แนวรุก : ได้ จาดอน ซานโซ่ กลับมาฝึกซ้อมในช่วงหลังสภาพจิตใจดีขึ้น แต่ไม่น่าจะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงอยู่แล้ว และน่าจะยึดพวกกองหน้าชุดเดิม โดยพร้อมให้ แอนโทนี่ สวมบทเป็นปีกขวาในฐานะตัวเลือกอันดับแรกเหนือกว่า แอนโธนี่ เอลังก้า เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองได้เลย ส่วนในรายของ มาร์คัส แรชฟอร์ด เตรียมยืนประจำการในตำแหน่งปีกซ้าย เพราะยังอยู่ในช่วงฟอร์มฮอตจากการยิงประตูได้แบบต่อเนื่องเลย จึงยังคงเป็นตัวเลือกอันดับแรกเหนือกว่า อเลฮานโดร การ์นาโช่ ซึ่งน่าจะได้นั่งอยู่ที่ข้างสนามเหมือนนัดก่อน ขณะที่ อองโตนี่ มาร์กซิยัล พร้อมสวมบทเป็นกองหน้าตัวเป้าอยู่แล้ว แม้จะยิงประตูในศึกพรีเมียร์ลีกไม่ได้มาหลายเกมแล้วก็ตาม
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ผลงาน 5 เกมหลังสุดในศึกพรีเมียร์ลีก
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ ฟูแล่ม 2-1 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ เบรนท์ฟอร์ด 1-2 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด 3-1 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : เสมอ เอฟเวอร์ตัน 1-1 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ เชลซี 1-0 (เยือน)
คาดว่ากุนซือ “เป๊ป” โจเซฟ กวาร์ดิโอล่า จะปรับทัพจากเกมล่าสุดในศึกพรีเมียร์ลีกที่บุกไปเฉือนชนะ เชลซี 1-0 เพื่อลุ้นไล่จี้ทีมจ่าฝูงเหลือ 2 แต้ม เพราะตอนนี้ยังอยู่อันดับ 2 แข่ง 17 นัด มี 39 คะแนน ตามหลัง อาร์เซนอล ทีมอันดับ 1 อยู่ 5 คะแนน จึงพร้อมให้พวกแข้งหลักออกสตาร์ทเป็นตัวจริงทั้งหมดเลย
11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 4-3-3
เอแดร์ซอน โมราเอส, จอห์น สโตนส์, อายเมริก ลาปอร์ก, เจา คันเซโล่, มานูเอล อคานยี่, โรดรี้, เควิน เดอ บรอยน์, อิลคาย กุนโดกาน, ฟิล โฟเด้น, แจ็ค กรีลิช, ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ
ผู้รักษาประตู : ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงไปจาก เอแดร์ซอน โมราเอส ซึ่งพร้อมยืนเฝ้าเสาในฐานะมือหนึ่งตั้งแต่นาทีแรกเหมือนเดิม ส่วนในรายของมือสอง นั่นก็คือ สเตฟาน ออร์เตก้า เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองเหมือนเช่นเคย
แนวรับ : ไม่มี รูเบน ดิอาส ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ จึงน่าจะให้ จอห์น สโตนส์ ลงไปยืนเป็นกองหลังคู่กับ อายเมริก ลาปอร์ก และคาดว่า นาธาน อาเก้ รวมถึง มานูเอล อคานยี่ เตรียมนั่งอยู่ที่ข้างสนามในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟเหมือนนัดก่อน ส่วนแบ็กขวาพร้อมให้ ไคล์ วอล์คเกอร์ ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ เจา คันเซโล่ ซึ่งพร้อมทำหน้าที่ตรงจุดนี้เหมือนเดิม ทำให้ เซร์คิโอ โกเมซ เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองต่อไป
แดนกลาง : เตรียมดร็อป คัลวิน ฟิลลิปส์ นั่งเป็นตัวสำรองตามเดิม เพราะมีปัญหาเรื่องสภาพร่างกายจากเหตุน้ำหนักตัวเพิ้มขึ้น จึงน่าจะให้ 3 ประสาน นั่นก็คือ โรดรี้, เควิน เดอ บรอยน์ และ อิลคาย กุนโดกาน ลงไปยืนคุมเกมร่วมกันตามเดิม
แนวรุก : พร้อมให้ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้าอยู่แล้ว และยังคงรั้งตำแหน่งดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกจากการยิงไปแล้วถึง 21 ลูก ทำให้ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองตามเดิม ส่วนปีกขวาพร้อมให้ ริยาด มาห์เรซ ลงไปยืนประจำการในฐานะตัวเลือกอันดับแรกเหนือกว่า แบร์นาร์โด้ ซิลวา โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ ฟิล โฟเด้น ในตำแหน่งปีกซ้าย ทำให้ แจ็ค กรีลิช เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองด้วยเช่นกัน
สถิติการพบกันเอง
สำหรับคู่นี้เคยดวลแข้งกันในทุกรายการมาแล้วทั้งหมด 165 เกม ปรากฎว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีสถิติอยู่พอสมควร โดยเป็นฝ่ายชนะ 65 เกม เสมอ 48 เกม และแพ้ 52 เกม ส่วนผลการพบกันนัดล่าสุดในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2022 ปรากฎว่า “ปีศาจแดง” บุกไปแพ้ 3-6 สำหรับผลการพบกันในสนามแห่งนี้นัดล่าสุดเกิดขึ้นในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2022 ปรากฎว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านชนะ 6-3
สถิติที่เคยพบกัน 5 เกมหลังสุด
คาราบาว คัพ ปี 2021 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-2
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2021 : แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-2
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2021 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-2
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2022 : แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4-1
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2022 : แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 6-3
ความน่าจะเป็น
เพราะเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรี “แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมทช์” ของ 2 ทีมคาปรับร่วมเมืองเดียวกัน ทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พร้อมจัดเต็มเพื่อหวังล้างแค้นจากเกมที่บุกไปแพ้แบบยับเยินถึง 3-6 ในช่วงครึ่งแรกของฤดูกาลนี้ แต่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังพร้อมมุ่งมั่นเพื่อเก็บชัยไล่จี้ทีมจ่าฝูง และด้วยศักดิ์ศรีที่ค้ำคอของทั้งสองฝั่ง คาดว่าเกมนี้มีโอกาสลงเอยด้วยผลเสมอได้เหมือนกัน
ผลที่คาด : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสมอ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-1
บทความนี้นับสนุนโดย Siam99 เว็บคาสิโนออนไลน์ที่นึ่งในประเทศไทย