พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
นิวคาสเซิ่ล VS แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
สนาม : เซนต์ เจมส์ ปาร์ค
เวลา : 22.30 น.
นิวคาสเซิ่ล
ผลงาน 5 เกมหลังสุดในศึกพรีเมียร์ลีก
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : เสมอ บอร์นมัธ 1-1 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ ลิเวอร์พูล 0-2 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-2 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 2-1 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 2-1 (เยือน)
คาดว่ากุนซือ เอ็ดดี้ ฮาว จะปรับทัพบางตำแหน่ง เพื่อลุ้นเก็บชัยไล่แย่งพื้นที่ “ท็อปโฟร์” ใน 4 อันดับแรกกันต่อไป เพราะตอนนี้อยู่อันดับ 5 แข่ง 26 นัด มี 47 คะแนน ตามหลัง ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ ทีมอันดับ 4 เพียง 2 คะแนน แม้จะมีนักเตะขาดหายไปหลายคน แต่ยังใช้งานพวกแข้งหลักได้อีกหลายราย จึงน่าจะเล่นทดแทนกันได้อยู่แล้ว
11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 4-3-3
มาร์ติน ดูบราฟก้า, ยามาล ลาสเซลเลส, ฟาเบียน ชาร์, แดน เบิร์น, คีแรน ทริปเปียร์, บรูโน่ กีมาเรส, ฌอน ลองสต๊าฟฟ์, โจ วิลล็อค, ยาค็อบ เมอร์ฟี่, โจลินตอน, อเล็กซานเดอร์ อิซัค
ผู้รักษาประตู : ไม่น่าจะได้เห็น นิค โป๊ป กลับมาสวมบทมือหนึ่งเพื่อยืนเฝ้าเสาตั้งแต่นาทีแรก เพราะมีปัญหาบาดเจ็บรบกวน จึงน่าจะได้เห็นมือสอง นั่นก็คือ มาร์ติน ดูบราฟก้า ลงสนามเป็นตัวจริง ทำให้ ลอริส คาริอุส เตรียมได้นั่งเป็นตัวสำรองไปก่อน
แนวรับ : ส่อไร้ สเวน บ็อตแมน มีอาการป่วย จึงพร้อมให้ ยามาล ลาสเซลเลส ลงไปยืนเป็นกองหลังคู่กับ ฟาเบียน ชาร์ ส่วนแบ็กซ้ายยังคงเป็นหน้าที่ของ แดน เบิร์น โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ คีแรน ทริปเปียร์ ในตำแหน่งแบ็กขวาเหมือนเดิม แต่หมดสิทธิ์ใช้งาน เอมิล คราฟธ์ ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ ขณะที่ พอล ดัมเมตต์, ยามาล เลวิส, แฮร์ริสัน แอชบี้, ฆาเบียร์ มานควิโญ่, แมตต์ ริชชี่ และ แมตต์ ทาร์เก็ตต์ เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองทั้งหมดเลย
แดนกลาง : พร้อมให้ 3 แกนหลัก นั่นก็คือ บรูโน่ กีมาเรส, ฌอน ลองสต๊าฟฟ์ และ โจ วิลล็อค ซึ่งพร้อมลงไปยืนคุมเกมในแผงมิดฟิลด์ร่วมกันเหมือนเดิม ส่วนในรายของ เอลเลียต อันเดอร์สัน เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองเหมือนเดิม ขณะที่ แมทธิว ลองสต๊าฟฟ์ ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ
แนวรุก : เตรียมได้เห็น อเล็กซานเดอร์ อิซัค ยืนเป้นกองหน้าตัวเป้า เพราะเป็นตัวเลือกอันดับแรกเหนือกว่า คัลลัม วิลสัน ซึ่งน่าจะต้องนั่งเป็นตัวสำรองไปก่อน ส่วนตัวริมเส้นฝั่งซ้ายไม่มี อัลแล็ง แซงต์ มักซิแม็ง ได้รับบาดเจ็บ จึงน่าจะขยับ โจลินตอน ขึ้นไปทำหน้าที่แทน โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ ยาค็อบ เมอร์ฟี่ ในตำแหน่งตัวริมเส้นฝั่งขวา เนื่องจาก มิเกล อัลมิรอน เจ้าของตำแหน่งตัวจริงยังไม่หายจากโรคเดี้ยง เช่นเดียวกับ แอนโธนี่ กอร์ดอน อีกหนึ่งราย
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ผลงาน 5 เกมหลังสุดในศึกพรีเมียร์ลีก
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : เสมอ ลีดส์ ยูไนเต็ด 2-2 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด 2-0 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ เลสเตอร์ 3-0 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ ลิเวอร์พูล 0-7 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : เสมอ เซาแธมป์ตัน 0-0 (เหย้า)
คาดว่ากุนซือ เอริค เทน ฮาก จะปรับทัพบางตำแหน่ง เพื่อลุ้นเก็บชัยรั้งอันดับ 3 ต่อไป เพราะตอนนี้ยังอยู่อันดับ 3 แข่ง 26 นัด มี 50 คะแนน นำหน้า ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ ทีมอันดับ 4 เพียงแต้มเดียวเท่านั้น แต่ลงเตะน้อยกว่า 2 เกม แม้จะหมดสิทธิ์ใช้งานนักเตะหลายคน แต่ว่าพวกแข้งหลักอีกหลายๆ รายยังคงพร้อมลงไปเล่นทดแทนได้อีกหลายราย
11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 4-2-3-1
ดาบิด เด เคอา, ลิซานโดร มาร์ติเนซ, แฮร์รี่ แม็คไกวร์, ลุค ชอว์, ดิโอโก้ ดาโลท์, เฟรด, สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, แอนโทนี่, บรูโน่ แฟร์นันเดส, มาร์คัส แรชฟอร์ด, เวาท์ เวกฮอร์ทส
ผู้รักษาประตู : ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากมือหนึ่ง นั่นก็คือ ดาบิด เด เคอา พร้อมยืนเฝ้าเสาเป็นตัวจริงต่อไป ส่วนในรายของ ทอม ฮีตัน เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองอยู่ที่ข้างสนามในฐานะมือสองตามเดิม
แนวรับ : ส่อไร้ ราฟาเอล วาราน ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ จึงน่าจะให้ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ลงไปยืนเป็นกองหลังคู่กับ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ส่วนแบ็กซ้ายพร้อมให้ ลุค ชอว์ ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง เพราะเป็นตัวเลือกอันดับแรกเหนือกว่า ไทเรลล์ มาลาเซีย โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ ดิโอโก้ ดาโลท์ ซึ่งน่าจะได้กลับมาสวมบทเป็นแบ็กขวา ทำให้ อารอน วาน-บิสซาก้า รวมถึง วิคเตอร์ ลินเดเลิฟ น่าจะต้องนั่งเป็นตัวสำรองไปก่อน
แดนกลาง : หมดสิทธิ์ใช้งาน คาเซมิโร่ ติดโทษแบนเป็นนัดที่ 2 จากทั้งหมด 4 เกม และยังคงไร้ คริสเตียน อีริคเซ่น รวมถึง ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บไปก่อน ส่วนในรายของ มาร์เซล ซาบิทเซอร์ ยังต้องรอเช็กสภาพความฟิตในช่วงหลังได้รับบาดเจ็บมาจากเกมทีมชาติ ทำให้ เฟรด กับ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ น่าจะลงไปยืนคุมเกมร่วมกันในฐานะตัวจริงไปเลย
แนวรุก : ต้องรอเช็กสภาพความฟิตของ มาร์คัส แรชฟอร์ด หากลงเล่นไม่ได้อาจจะให้ จาดอน ซานโซ่ ขยับฝั่งไปทำหน้าที่แทน แต่คาดว่าน่าจะได้ลงเล่นตั้งแต่นาทีแรก โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ แอนโทนี่ ในตำแหน่งปีกขวา ส่วนในรายของ บรูโน่ แฟร์นันเดส เตรียมสวมบทเป็นเพลย์เมกเกอร์ในฐานะตัวปั้นเกมอยู่ด้านหลังของ เวาท์ เวกฮอร์สท พร้อมยืนเป็นกองหน้าตัวเป้าเหมือนเดิม ขณะที่ แอนโธนี่ เอลังก้า กับ อองโตนี่ มาร์กซิยัล เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองไปเลย แต่ยังคงหมดสิทธิ์ใช้งาน อเลฮานโดร การ์นาโช่ รวมถึง อองโตนี่ มาร์กซิยัล เพราะว่ายังไม่หายเดี้ยงนั่นเอง
สถิติการพบกันเอง
สำหรับคู่นี้เคยดวลแข้งกันในทุกรายการมาแล้วทั้งหมด 154 เกม ปรากฎว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีสถิติเหนือกว่าอยู่เยอะเลย โดยเป็นฝ่ายชนะ 78 เกม เสมอ 40 เกม และแพ้ 36 เกม ส่วนผลการพบกันนัดล่าสุดในศึกคาราบาว คัพ รอบชิงชนะเลิศ เมื่อปี 2023 ปรากฎว่า “ปีศาจแดง” เป็นฝ่ายชนะ 2-0 สำหรับผลการพบกันในสนามแห่งนี้นัดล่าสุดเกิดขึ้นในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2021 ปรากฎว่า นิวคาสเซิ่ล เปิดบ้านเสมอ 1-1
สถิติที่เคยพบกัน 5 เกมหลังสุด
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2021 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ นิวคาสเซิ่ล 3-1
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2021 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ นิวคาสเซิ่ล 4-1
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2021 : นิวคาสเซิ่ล เสมอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2022 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสมอ นิวคาสเซิ่ล 0-0
คาราบาว คัพ รอบชิงชนะเลิศ ปี 2023 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ นิวคาสเซิ่ล 2-0
ความน่าจะเป็น
เตรียมลงมือปรับเปลี่ยนผู้เล่นหลายตำแหน่ง เพราะหมดสิทธิ์ใช้งานแข้งดังหลายคน แต่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงมีนักเตะฝีเท้าดีให้เลือกใช้งานได้อีกหลายคน จึงอาจจะไม่กระทบต่อการจัดทีมลงสนามมากนัก เช่นเดียวกับ นิวคาสเซิ่ล ซึ่งมีนักเตะขาดหายไปหลายคนเลย และยังคงต้องเรียกฟอร์มเก่งเพื่อเก็บชัยทำอันดับเกาะกลุ่มใน 4 อันดับแรกให้ได้อีกครั้ง คาดว่า “ปีศาจแดง” จะไม่เจอกับเกมง่ายๆ อย่างแน่นอน แต่ด้วยทีเด็ดทีขาดที่มากกว่า จึงน่าจะมีโอกาสบุกไปเก็บ 3 คะแนนได้แบบหวุดหวิด
ผลที่คาด : นิวคาสเซิ่ล แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-2
บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับพรีเมียร์ลีกอังกฤษ
บทความนี้นับสนุนโดย Siam99 เว็บคาสิโนออนไลน์ที่นึ่งในประเทศไทยสมัครตอนนี้รับตั๋ว5ใบทันที