วิเคราะห์ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก เซาแธมป์ตัน VS ลิเวอร์พูล 

วิเคราะห์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกเซาแธมป์ตัน VS ลิเวอร์พูล 28.5.23

“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ยังคงไร้ ดาร์วิน นูนเญซ แต่อาจจะได้เห็น โรแบรืดต้ ฟีร์มีโน่ ลงไปสวมบทเป็นกองหน้าเพื่อลงเล่นเกมสั่งลานัดเยือน “นักบุญ” เซาแธมป์ตัน ในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดสุดท้ายของฤดูกาล 2022/2023 คืนวันที่ 28 พ.ค.นี้ 

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

เซาแธมป์ตัน VS ลิเวอร์พูล

สนาม : เซนต์ แมรีส์ สเตเดี้ยม

เวลา : 22.30 น.

เซาแธมป์ตัน

ผลงาน 5 เกมหลังสุดในศึกพรีเมียร์ลีก

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ บอร์นมัธ 0-1 (เหย้า)

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ นิวคาสเซิ่ล 1-3 (เยือน)

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 3-4 (เยือน)

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ ฟูแล่ม 0-2 (เหย้า)

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ไบรท์ตัน (เยือน)

คาดว่ากุนซือ รูเบน เซยาส จะปรับทัพบางตำแหน่ง เพื่อลุ้นเก็บชัยสั่งลาพรีเมียร์ลีก เพราะเตรียมตกชั้นลงไปเล่นในเดอะแชมเปี้ยนชิพช่วงฤดูกาลหน้านั่นเอง โดยตอนนี้ยังรั้งบ๊วยอันดับ 20 แข่ง 37 นัด มี 24 คะแนน แม้จะมีนักเตะได้รับบาดเจ็บหลายคน แต่ยังใช้งานพวกแข้งหลักได้อีกหลายราย หลังไม่พบกับชัยชนะมาแล้วถึง 11 เกม และพบกับความพ่ายแพ้มาแล้วถึง 4 ติดต่อกันอีกด้วย

11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 4-2-3-1

อเล็กซ์ แม็คคาร์ธีย์, แยน เบดนาเร็ค, ลานโก้, ไอน์สลีย์ มิทแลนด์-ไนลส์, ไคล์ วอล์คเกอร์ ปีเตอร์ส, เจมส์ วอร์ด พราวส์, โรเมโอ ลาเวีย, สจ๊วร์ต อาร์มสตรอง, ธีโอ วัลคอตต์, คาร์ลอส อัลคาเรซ, พอล โอนัวชู  

ผู้รักษาประตู : ยังคงเป็นหน้าที่ของ อเล็กซ์ แม็คคาร์ธีย์ พร้อมลงไปยืนเฝ้าเสาเป็นมือหนึ่งเหมือนเดิม ส่วนในรายของ กาวิน บาซูนู เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองในฐานะมือสองไปก่อน

แนวรับ : ไม่มี โรแม็ง แปร์เราด์ รวมถึง อาร์เมล เบลล่า-คอตแชป และ โมฮาเหม็ด ซาลิซู รวมถึง วาเลนติโน่ ลิฟราเมนโต้ ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดเลย จึงพร้อมให้ แยน เบดนาเร็ค กับ ลานโก้ ลงไปยืนเป็นกองหลังคู่กัน ส่วนแบ็กซ้ายเตรียมเป็นหน้าที่ของ ไอน์สลีย์ มิทแลนด์-ไนลส์ ลงไปยืนประจำการ โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ ไคล์ วอล์คเกอร์ ปีเตอร์ส ในตำแหน่งแบ็กขวา ทำให้ ดูเย่ คาเลต้า คาร์ รวมถึง เจมส์ บรี เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองเหมือนเดิม    

แดนกลาง : พร้อมให้ เจมส์ วอร์ด พราวส์ กับ โรเมโอ ลาเวีย ลงไปยืนคุมเกมร่วมกัน ส่วนในรายของ มุสซ่า เฌเนโป รวมถึง โมฮาเหม็ด เอลยูนุสซี่ เตรียมนั่งอยู่ที่ข้างสนามต่อไป 

แนวรุก : เตรียมได้เห็น พอล โอนัวชู ลงไปยืนเป็นกองหน้า และพร้อมให้ สจ๊วร์ต อาร์มสตรอง สวมบทเป็นตัวริมเส้นฝั่งซ้าย โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ ธีโอ วัลคอตต์ ในตำแหน่งตัวริมเส่นฝั่งขวา และพร้อมให้ คาร์ลอส อัลคาเรซ สวมบทเป็นตัวปั้นเกมในฐานะเพลยน์เมกเกอร์ ทำให้ โจ อาริโบ, อดัม อาร์มสตรอง, คามาล-ดีน ซูเลมาน่า และ เซกู มาร่า ไม่น่าจะได้ลงสนามเป็นตัวจริง 

ลิเวอร์พูล

ผลงาน 5 เกมหลังสุดในศึกพรีเมียร์ลีก

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ 4-3 (เหย้า)

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ ฟูแล่ม 1-0 (เหย้า)

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ เบรนท์ฟอร์ด 1-0 (เหย้า)

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ เลสเตอร์ 3-0 (เยือน)

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : เสมอ แอสตัน วิลล่า 1-1 (เหย้า)

คาดว่ากุนซือ เจอร์เกน คลอปป์ จะปรับทัพบางตำแหน่ง เพื่อลุ้นคว้าชัยปักหลักอยู่อันดับ 5 ในเกมสั่งลาฤดูกาลนี้ และจะได้ตั๋วไปโชว์ฝีเท้าในศึกยุฟ่า ยูโรปาลีก ช่วงฤดูกาลหน้าไปเลย โดยตอนนี้มี 66 คะแนนจากการลงเตะไปแล้ว 37 นัด แม้จะมีนักเตะเจอโรคเดี้ยงอยู่หลายราย แต่ว่าเป็นพวกหน้าเดิมๆ ที่ต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บอยู่แล้ว จึงเตรียมได้เห็นพวกแข้งหลักออกสตาร์ทเป็นตัวจริงหลายรายเลยด้วย

11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 4-3-3

อลิสซอน เบ็คเกอร์, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, อิบราฮิม่า โกนาเต้, แอนดี้ โรเบิร์ตสัน, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, เคอร์ติส โจนส์, ดิโอโก้ โจต้า, โมฮาเหม็ด ซาล่าห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่

ผู้รักษาประตู : ไม่เปลี่ยนแปลงไปจาก อลิสซอน เบ็คเกอร์ พร้อมลงไปยืนเฝ้าเสาตั้งแต่นาทีแรก เพราะสวมบทเป็นมือหนึ่งอยู่แล้วนั่นเอง ส่วนในรายของ ควีวิน เคลเลเฮอร์ เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองในฐานะมือสองต่อไป

แนวรับ : เตรียมได้เห็น เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ กับ อิบราฮิม่า โกนาเต้ ลงไปยืนเป็นกองหลังคู่กัน ส่วนแบ็กซ้ายพร้อมให้ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ลงไปยืนประจำการ โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ในตำแหน่งแบ็กขวา ทำให้ คอสตาส ซิมิคาส, โจ โกเมซ และ นาธาเนียล ฟิลลิปส์ เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองเหมือนเดิม แต่ยังคงไร้ คัลวิน แรมซีย์ ต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บไปก่อน      

แดนกลาง : พร้อมให้ ฟาบินโญ่ ยืนปักหลักในแผงมิดฟิลด์ และน่าจะให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ เคอร์ติส โจนส์ ลงไปยืนคุมเกมร่วมกัน ส่วน เจมส์ มิลเนอร์ มีโอกาสเป็นตัวสอดแทรกเพื่อลงสนามเป็นตัวจริงได้เหมือนกัน เพราะนี่คือเกมสุดท้ายสำหรับการรับใช้ “หงส์แดง” ก่อนจะย้ายทีมในช่วงหลังหมดสัญญาตอนจบฤดูกาลนี้นั่นเอง  แต่ว่าน่าจะต้องนั่งเป็นตัวสำรองเหมือนเดิม เช่นเดียวกับ ติอาโก้ อัลคานทาร่า รวมถึง ฮาร์วีย์ เอลเลียต ขณะที่ สเตฟาน บายเซติช กับ นาบี้ เกอิต้า ยังคงหมดสิทธิ์ลงสนาม เพราะต้องพักรักษาโรคเดี้ยงเหมือนกับ อาร์ตูร์ เมโล่ ยังคงอยู่ในช่วงฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมาฟิตสมบูรณ์แบบเต็มร้อย จึงไม่น่าจะมีส่วนร่วมกับเกมนี้เหมือนเช่นเคย และใกล้หมดสัญญายืมตัวเพื่อรอหวนกลับคืนสู่ ยูเวนตุส ทีมต้นสังกัดปัจจุบันกันต่อไป

แนวรุก : ยังคงไร้ ดาร์วิน นูนเญซ มีปัญหาบาดเจ็บตรงนิ้วเท้า จึงพร้อมให้ ดิโอโก้ โจต้า กลับมาสวมบทเป็นตัวริมเส้นด้านซ้าย โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ในตำแหน่งตัวรุกทางริมเส้นด้านขวา และมีโอกาสได้เห็น โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในตำแหน่งกองหน้า เพราะเป็นเกมสุดท้ายสำหรับการรับใช้สโมสร และเตรียมย้ายทีมในช่วงหลังหมดสัญญาตอนจบซีซั่นนี้ แต่ว่าน่าจะให้ โคดี้ กัคโป ยืนเป็นกองหน้ามากกว่า ทำให้ หลุยส์ ดิอาซ เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองไปก่อน เช่นเดียวกับ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ รวมถึง อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน เตรียมย้ายทีมในช่วงหมดสัญยาตอนจบฤดูกาลนี้อีกหนึ่งราย

สถิติการพบกันเอง

สำหรับคู่นี้เคยดวลแข้งกันในทุกรายการมาแล้วทั้งหมด 94 เกม ปรากฎว่า ลิเวอร์พูล มีสถิติเหนือกว่าเยอะเลย โดยเป็นฝ่ายชนะ 49 เกม เสมอ 21 เกม และแพ้ 24 เกม ส่วนผลการพบกันนัดล่าสุดในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2022 ปรากฎว่า “หงส์แดง” เป็นฝ่ายเปิดบ้านชนะ 3-1 สำหรับผลการพบกันในสนามแห่งนี้นัดล่าสุดเกิดขึ้นในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2022 ปรากฎว่า เซาแธมป์ตัน เป็นฝ่ายแพ้คาบ้าน 1-2

สถิติที่เคยพบกัน 5 เกมหลังสุด

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2021 : เซาแธมป์ตัน ชนะ ลิเวอร์พูล 1-0

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2021 : ลิเวอร์พูล ชนะ เซาแธมป์ตัน 2-0

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2021 : ลิเวอร์พูล ชนะ เซาแธมป์ตัน 4-0

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2022 : เซาแธมป์ตัน แพ้ ลิเวอร์พูล 1-2

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2022 : ลิเวอร์พูล ชนะ เซาแธมป์ตัน 3-1

ความน่าจะเป็น

แม้จะกระเด็นตกชั้นไปนานแล้ว แต่ เซาแธมป์ตัน พร้อมเล่นด้วยศักดิ์ศรีในถิ่นของตัวเอง เพื่อเป็นการส่งท้ายในศึกพรีเมียร์ลีก ก่อนจะตกชั้นไปเริ่มต้นกันใหม่ในเดอะแชมเปี้ยนชิพฤดูกาลหน้า ส่วน ลิเวอร์พูล พร้อมทำผลงานในเกมนัดสุดท้ายของซีซั่นนี้ให้ดีที่สุด เพื่อเก็บชัยสั่งลาฤดูกาลที่ไม่น่าประทับใจ คาดว่า “หงส์แดง” มีความพร้อมมากกว่าในหลายๆ ด้าน จึงน่าจะบุกไปเก็บ 3 คะแนนได้แบบไม่ยากเย็นนัก 

ผลที่คาด : เซาแธมป์ตัน แพ้ ลิเวอร์พูล 0-2

บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับพรีเมียร์ลีกอังกฤษ

บทความนี้นับสนุนโดย Siam99 เว็บคาสิโนออนไลน์ที่นึ่งในประเทศไทยสมัครตอนนี้รับตั๋ว5ใบทันที

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *