พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ VS แมนเชสเตอร์ ซิตี้
สนาม : ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ สเตเดี้ยม
เวลา : 23.30 น.
ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์
ผลงาน 5 เกมหลังสุดในศึก
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ แอสตัน วิลล่า 0-2 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ คริสตัล พาเลซ 4-0 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ อาร์เซนอล 0-2 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-4 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ ฟูแล่ม 1-0 (เยือน)
คาดว่ากุนซือ อันโตนิโอ คอนเต้ จะปรับทัพจากเกมล่าสุดที่บุกไปชนะ เปรสตัน 3-0 ในศึกเอฟเอ คัพ รอบ 4 เพื่อลุ้นเก็บชัยไล่จี้พื้นที่ “ท็อปโฟร์” ใน 4 อันดับแรกต่อไป เพราะตอนนี้อยู่อันดับ 5 แข่ง 21 นัด มี 36 คะแนน จึงพร้อมให้พวกแข้งหลักลงเล่นเป็นตัวจริงหลายคนเลย เพราะว่าได้ผู้เล่นหายเดี้ยงกลับมาช่วยทีมเกือบทั้งหมดแล้วนั่นเอง
11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 3-4-2-1
อูโก้ ยอริส, เอริค ไดเออร์, คริสเตียน โรเมโร่, เบน เดวิส, ปิแอร์ ฮอยเบิร์ก, โรดริโก้ เบนทานคูร์, อีวาน เปริซิช, เอแมร์ซอน รอยัล, ซน ฮึง มิน, เดยัน คูลูเชฟสกี้, แฮร์รี่ เคน
ผู้รักษาประตู : ไม่เปลี่ยนแปลงไปจาก อูโก้ ยอริส พร้อมยืนเฝ้าเสาเป็นตัวจริงอยู่แล้ว แม้จะโชว์ความผิดพลาดให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ แต่ยังคงได้รับความไว้วางใจให้สวมบทเป็นมือหนึ่งต่อไป ส่วนในรายของ ฟราเซอร์ ฟอร์สเตอร์ เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองในฐานะมือสองเหมือนเดิม
แนวรับ : พร้อมให้ เอริค ไดเออร์ เป็นแกนหลักในแดนหลังอยู่แล้ว และน่าจะให้ คริสเตียน โรเมโร่ กับ เบน เดวิส ลงไปช่วยคุมแนวรับเหมือนอย่างเกมที่ผ่านมา ส่วนในรายของ ดาวินซอน ซานเชซ, จาเพ็ด ทานกานก้า รวมถึง เกลมองต์ ลองก์เล่ต์ เตรียมนั่งอยู่ที่ข้างสนามเพื่อเป็นตัวสแตนบายทั้งหมดเลย
แดนกลาง : เตรียมวาง ปิแอร์ ฮอยเบิร์ก กับ โรดริโก้ เบนทานคูร์ ยืนเป็นตัวคุมเกมร่วมกันเหมือนเดิม ทำให้ ปาเป้ มาตาร์ ซาร์, อีฟส์ บิสซูม่า และ โอลิเวอร์ สคิปป์ เป็นตัวสำรองเหมือนอย่างนัดที่แล้ว ส่วนวิงแบ็กฝั่งซ้ายพร้อมให้ อีวาน เปริซิช ลงไปยืนประจำการในฐานะตัวเลือกอันดับแรกเหนือกว่า ไรอัน เซสเซญอง โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ เอแมร์ซอน รอยัล ในตำแหน่งวิงแบ็กฝั่งขวาตามเดิม ทำให้ ฮาร์วีย์ ไวท์ ไม่น่าจะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเหมือนเช่นเคย
แนวรุก : น่าจะดร็อป ริชาร์ลิซอน เป็นตัวสำรอง เช่นเดียวกับ ลูคัส มูร่า ส่วนในรายของ อาร์เนาท์ ดานยูม่า ไม่น่าจะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงด้วยเช่นกัน เพราะน่าจะให้ เดยัน คูลูเชฟสกี้ สวมบทเป็นปีกขวา โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ ซน ฮึง มิน ในตำแหน่งปีกซ้าย ส่วนในรายของ แฮร์รี่ เคน พร้อมสวมบทเป็นกองหน้าตัวเป้าอยู่แล้ว
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ผลงาน 5 เกมหลังสุดในศึกพรีเมียร์ลีก
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : เสมอ เอฟเวอร์ตัน 1-1 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ เชลซี 1-0 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-2 (เยือน)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ 4-2 (เหย้า)
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 3-0 (เหย้า)
คาดว่ากุนซือ “เป๊ป” โจเซฟ กวาร์ดิโอล่า จะปรับทัพจากเกมล่าสุดที่เปิดบ้านเฉือนชนะ อาร์เซนอล 1-0 ในศึกเอฟเอ คัพ รอบ 4 เพื่อลุ้นเก็บชัยไล่ตาม อาร์เซนอล ทีมจ่าฝูงต่อไป เพราะตอนนี้อยู่อันดับ 2 แข่ง 20 นัด มี 45 คะแนน จึงพร้อมให้พวกแข้งหลักออกสตาร์ทเป็นตัวจริงทั้งหมด เพราะไม่มีผู้เล่นได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติม
11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 4-3-3
เอแดร์ซอน โมราเอส, มานูเอล อคานยี่, อายเมริก ลาปอร์ก, นาธาน อาเก้, ริโก้ เลวิส, โรดรี้, เควิน เดอ บรอยน์, อิลคาย กุนโดกาน, แจ็ค กรีลิช, ริยาด มาห์เรซ, เออร์ลิ่ง ฮาลันด์
ผู้รักษาประตู : ยังคงเป็นหน้าที่ของ เอแดร์ซอน โมราเอส เพราะได้รับความไว้วางใจให้สวมบทเป็นมือหนึ่งอย่างแน่นอน ทำให้มือสอง นั่นก็คือ สเตฟาน ออร์เตก้า เตรียมกลับไปนั่งเป็นตัวสำรองเหมือนเดิม
แนวรับ : หมดสิทธิ์ใช้งาน รูเบน ดิอาส ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ เช่นเดียวกับ จอห์น สโตนส์ เจอโรคเดี้ยงเล่นงานด้วยเช่นกัน ทำให้ มานูเอล อคานยี่ เตรียมลงไปยืนเป็นกองหลังคู่กับ อายเมริก ลาปอร์ก ส่วนแบ็กซ้ายพร้อมให้ นาธาน อาเก้ ลงไปยืนประจำการ เพราะได้ปล่อย เจา คันเซโล่ ย้ายไปซบ บาเยิร์น มิวนิค แบบยืมตัวนั่นเอง โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ ริโก้ เลวิส ซึ่งน่าจะได้เป็นตัวเลือกอันดับแรก ทำให้ ไคล์ วอล์คเกอร์ รวมถึง เซร์คิโอ โกเมซ เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองไปก่อน
แดนกลาง : พร้อมให้ โรดรี้ สวมบทเป็นมิดฟิลด์ตัวตัดเกม เพราะเป็นตัวเลือกอันดับแรกเหนือกว่า คัลวิน ฟิลลิปส์ นั่งเป็นตัวสำรองเหมือนเดิม ส่วนในรายของ เควิน เดอ บรอยน์ กับ อิลคาย กุนโดกาน พร้อมออกสตาร์ทเป็นตัวจริงอย่างแน่นอน ทำให้ โคล พาลเมอร์ แข้งเด็กปั้นดาวรุ่งเตรียมนั่งเป็นตัวสแตนบายเหมือนอย่างนัดที่แล้ว
แนวรุก : ไม่เปลี่ยนแปลงไปจาก เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ พร้อมยืนเล่นเป็นกองหน้าต่อไป โดยตอนนี้ยังคงรั้งตำแหน่งดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกจากการยิงไปแล้วถึง 25 ลูกเลยทีเดียว จึงเป็นตัวเลือกแรกเหนือกว่า ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ซึ่งเตรียมนั่งเป็นตัวสำรองเหมือนอย่างนัดที่แล้ว ส่วนปีกซ้ายพร้อมให้ แจ็ค กรีลิช ลงไปยืนประจำการ เนื่องจาก ฟิล โฟเด้น ต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บไปก่อน โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ ริยาด มาห์เรซ ในตำแหน่งปีกขวา เพราะเป็นตัวเลือกอันดับแรกเหนือกว่า แบร์นาร์โด้ ซิลวา นั่นเอง
สถิติการพบกันเอง
สำหรับคู่นี้เคยดวลแข้งกันในทุกรายการมาแล้วทั้งหมด 148 เกม ปรากฎว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีสถิติเหนือกว่าเพียงเล็กน้อย โดยเป็นฝ่ายชนะ 59 เกม เสมอ 32 เกม และแพ้ 57 เกม ส่วนผลการพบกันนัดล่าสุดในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2023 ปรากฎว่า “เรือใบสีฟ้า” เปิดบ้านยิงแซงชนะ 4-2 สำหรับผลการพบกันนัดล่าสุดที่สนามแห่งนี้ในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2021 ปรากฎว่า ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ เป็นฝ่ายเฝ้ารังเฉือนชนะ 1-0
สถิติที่เคยพบกัน 5 เกมหลังสุด
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2021 : แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ 3-0
คาราบาว คัพ ปี 2021 : แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ 1-0
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2021 : ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ ชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2022 : แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แพ้ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ 2-3
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2023 : แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ 4-2
ความน่าจะเป็น
ถ้าดูผลงานในโดยรวมอาจจะเห็นได้ว่าไม่ได้อยู่ในช่วงที่โชว์ฟอร์มได้แบบสุดยอด แต่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มักจะกลับมาทำผลงานในเกมใหญ่ๆ ได้ดีเสมอ และยังคงมี เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ พร้อมสวมบทเป็นทีเด็ดในแดนหน้าอยู่แล้วด้วย ส่วน ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ ทำผลงานในภาพรวมได้ไม่ดีนัก แต่ยังคงมีความอันตรายในจังหวะสวนกลับที่เล่นกันได้แบบเฉียบคมมากๆ โดยเฉพาะ ซน ฮึง มิน ซึ่งประสานงานกับ แฮร์รี่ เคน ได้แบบเข้าขารู้ใจกันอยู่แล้ว แต่คาดว่า “เรือใบสีฟ้า” น่าจะโชว์ฟอร์มได้แบบเข้าฝักมากกว่า จึงน่าจะออกจากบ้านไปเก็บ 3 คะแนนเต็มได้สำเร็จ
ผลที่คาด : ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-2
บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับพรีเมียร์ลีกอังกฤษ
บทความนี้นับสนุนโดย Siam99 เว็บคาสิโนออนไลน์ที่นึ่งในประเทศไทยสมัครตอนนี้รับตั๋ว5ใบทันที