แน่นอนว่าเป้าหมายหลักของ “เปแอสเช” ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ทีมมหาเศรษฐีแห่งศึกลีก เอิง ฝรั่งเศส ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของกลุ่มทุนจากกาตาร์มาตั้งแต่ปี 2011 ยังคงเป็นเรื่องของการยึดบัลลังก์ “เจ้าสโมสรยุโรป” เพราะว่าอยากจะสัมผัสถ้วยแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นครั้งแรกให้ได้เสียที จึงมีการทุ่มเงินซื้อนักเตะฝีเท้าดีเข้ามาเสริมทัพแบบต่อเนื่องเลย และมีการลงทุนจ้างกุนซือฝีมือดีเพื่อให้เข้ามาช่วยสานฝันให้เป็นจริงด้วยเช่นกัน แต่ว่าตอนนี้ยังคง “ฝันค้าง” กันไปก่อนเหมือนเดิม เพราะยังไม่สามารถไปถึงจุดหมายปลายทางตามที่วาดหวังเอาไว้นั่นเอง และจะต้องมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในช่วงหลังจากที่ “กินแห้ว” เพื่อนำไปสู่การสร้างความหวังใหม่ในช่วงฤดูกาลหน้ากันต่อไป ซึ่งเป็นเหมือนการ “วนลูบ” ไปตามวัฏจักรแบบนี้มาโดยตลอดเลยด้วย
ในช่วงก่อนเริ่มฤดูกาลนี้ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ได้แต่งตั้ง คริสตอฟ กัลติเย่ร์ กุนซือชาวฝรั่งเศสที่เคยสร้างชื่อจากการนำทัพ ลีลล์ เข้าป้ายแชมป์ลีก เอิง เมื่อ 2 ปีก่อนให้เข้ามารับงานคุมทีมต่อจาก เมาริซิโอ โปเชตติโน่ กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ที่ถูกปลดออกจากตำแหน่งไปตามคาด แม้จะสามารถพาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเมืองน้ำหอมเมื่อช่วงซีซั่นก่อนได้สำเร็จ แต่ว่าพบกับความล้มเหลวในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก จากการจอดป้ายเพียงแค่รอบ 16 ทีมสุดท้ายเท่านั้น ทำให้ “เปแอสเช” ได้ตั้งท่าพร้อมลงมือเพื่อให้ความเปลี่ยนแปลงในช่วงหลังจบฤดูกาลนี้แบบวนลูบเดิมอีกครั้ง โดยเฉพาะเรื่องของการเปลี่ยนตัว “กุนซือ” เนื่องจาก กัลติเย่ร์ โชว์ฝีมือได้ไม่น่าประทับใจเอาเสียเลย หากดูจากผลงานในช่วงเข้าสู่ปี 2023 ซึ่งพบกับความพ่ายแพ้จากการลงเล่นในทุกรายการมาแล้วหลายเกม และพาทีมจอดป้ายเพียงแค่ 16 ทีมสุดท้ายในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เพราะเป็นฝ่ายพลาดท่าปราชัยให้กับ บาเยิร์น มิวนิค แบบเหย้า-เยือนทั้ง 2 เกมเลยด้วย ส่วนเรื่องของการลุ้นป้องกันแชมป์ลีก เอิง ส่อท่าว่าจะต้องออกแรงเหนื่อยอยู่เหมือนกัน แม้จะยังคงรั้งตำแหน่งจ่าฝูงต่อไป แต่ว่ามีคะแนนนำหน้าทีมคู่แข่งที่ไล่ตามหลังแบบไม่ห่างกันมากนัก จึงถูกแฟนบอลวิจารณ์ว่า “มือไม่ถึง” และไม่คู่ควรกับงานคุมทีมใหญ่ๆ แบบนี้เลยด้วย โดยสื่อฝรั่งเศสหลายสำนักได้คาดการณ์เอาไว้ว่ากุนซือวัย 56 ปีน่าจะชะตาขาดในช่วงหลังจบฤดูกาลนี้เหมือนอย่าง โปเชตติโน่ ซึ่งถูกปลดในช่วงหลังพาทีมคว้าแชมป์ลีก เอิง เมื่อซีซั่นก่อน เพื่อเปิดทางให้มีการลงทุนจ้างกุนซือฝีมือดีให้เข้ามารับงานคุมทีมด้วยความหวังใหม่กันต่อไป
นอกจากนี้ “เปแอสเช” ยังเจอเรื่องกวนใจจากการก่อปัญหาของพวกดาวเตะระดับ “ซูเปอร์สตาร์” อีกต่างหาก เนื่องจาก ลิโอเนล เมสซี่ ได้ก่อเหตุโดดซ้อมเพื่อไปรับจ็อบเป็นทูตโปรโมทการท่องเที่ยวของประเทศซาอุดิอาระเบียแบบไม่มีการขออนุญาตกับสโมสรเลยด้วย ทำให้ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ตัดสินใจประกาศลงโทษพักงาน 2 สัปดาห์ และสั่งปรับเงินด้วยการงดจ่ายค่าแรงในช่วงระหว่างที่มีการพักงาน แม้ว่าดาวเตะเลือดฟ้าขาวจะยอมเอ่ยปากขอโทษเพื่อรับผิดแต่โดยดี แต่ว่าแฟนบอล “เปแอสเช” ยังคงรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เพราะมองว่า เมสซี่ ไม่มีความทุ่มเทให้กับสโมสรนั่นเอง และตั้งท่าพร้อมย้ายทีมแบบไม่มีค่าตัวในช่วงหลังหมดสัญญาตอนจบฤดูกาลนี้อยู่แล้วด้วย แถมยังลุกลามไปถึง เนย์มาร์ ดาวเตะทีมชาติบราซิล ซึ่งโดนหางเลขจากการที่ถูกมองว่าไม่ค่อยจะสู้แบบถวายหัวเพื่อทีมอยู่แล้วด้วยเช่นกัน และใช้ชีวิตแบบ “เพลย์บอย” เพราะชอบเที่ยวตระเวนราตรีอยู่เป็นประจำเลย นับตั้งแต่ย้ายมาจาก บาร์เซโลน่า เมื่อปี 2017 ด้วยค่าตัวเป็นสถิติแพงที่สุดในโลกจนถึงปัจจุบันสูงถึง 222 ล้านยูโรเลยทีเดียว แม้ว่าตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงพักรักษาอาการบาดเจ็บ แต่กลับมีกองเชียร์กลุ่มหนึ่งได้ร่วมตัวกันไปรุมประท้วงถึงหน้าบ้านพักของกองหน้าเลือดแซมบ้าเพื่อขับไล่ให้ย้ายออกจากทีมโปรดของพวกเขาไปเลยด้วย แต่ว่า เนย์มาร์ ยังคงมีสัญญากับสโมสรจนถึงปี 2025 โน้นเลย จึงอาจจะต้องรอให้มีทีมเศรษฐีที่พร้อมจ่ายเงินก้อนใหญ่เพื่อคว้าตัวไปดูแลกันต่อไป
ส่วนในรายของ เมสซี่ ส่อท่าเตรียมแยกทางกันในช่วงหลังหมดสัญญาจบฤดูกาลนี้เสียแล้ว จึงเตรียมแยกทางกันในช่วงหลังหมดข้อผูกมัดตอนกลางปีนี้ค่อนข้างแน่ ทำให้ เมสซี่ สามารถเก็บข้าวของเพื่อรอย้ายทีมแบบไม่มีค่าตัวในช่วงหลังจบฤดูกาลนี้ได้ด้วยเช่นกัน ลองไปดูกันว่าอนาคตของกัปตันทีมชาติอาร์เจนติน่าจะมีโอกาสลงเอยกับที่ใดได้บ้าง โดยสื่อต่างๆ ได้มีการวิเคราะห์เอาไว้มากถึง 5 จุดหมายปลายทางดังต่อไปนี้เลย เริ่มต้นกันด้วยจุดหมายที่ 1 นั่นก็คือการหวนกลับไปร่วมทัพ “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า ทีมต้นสังกัดเก่าในศึกลาลีกา สเปน ซึ่งเคยร่วมงานกันมานานถึง 17 ปีเลยทีเดียว นับตั้งแต่เริ่มต้นแจ้งเกิดในวงการลูกหนังโลกเมื่อปี 2004 เป็นต้นมา เพราะมีข่าวแบบต่อเนื่องเลยว่า บาร์ซ่า อยากจะดึงกลับคืนสู่ถิ่นเดิมที่คุ้นเคยอีกครั้ง แต่ว่าติดปัญหาเรื่องของเงินๆ ทองๆ จากภาระหนี้สินที่ยังคงค้างชำระอยู่เป็นจำนวนมาก จึงอยู่ที่การตัดสินใจของ เมสซี่ ว่าจะยอมลดเงินค่าเหนื่อยจากที่เคยได้รับเป็นจำนวนมหาศาลเพื่อกลับคืนสู่ถิ่นเดิมหรือไม่ ส่วนจุดหมายที่ 2 นั่นก็คือการย้ายไปค้าแข้งในทวีปเอเชียบนดินแดนตะวันออกกลางเสียเลย เพราะมีข่าวแบบต่อเนื่องว่า อัล ฮิลาล ทีมยักษ์ใหญ่แห่งลีกลูกหนังซาอุดิอาระเบียพร้อมทุ่มเงินจ่ายค่าจ้างเป็นจำนวนมหาศาลในระดับสถิติโลกเพื่อล่อใจให้ย้ายมาประชันฝีเท้ากับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวเตะทีมชาติโปรตุเกสของ อัล นาสเซอร์ ทีมคู่ปรับร่วมลีกเดียวกันนั่นเอง
ไปต่อกันที่จุดหมายที่ 3 นั่นก็คือการย้ายไปโชว์ฝีเท้าในสหรัฐอเมริกา เพราะมีหลายทีมลูกหนังในศึกเมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ พร้อมทุ่มเงินค่าจ้างก้อนใหญ่เพื่อให้ย้ายมาร่วมทัพอยู่แล้ว โดยเฉพาะ อินเตอร์ ไมอามี่ ซึ่งเป็นทีมของ เดวิด เบ็คแฮม ตำนานกองกลางทีมชาติอังกฤษอยู่แล้วด้วย ส่วนจุดหมายที่ 4 นั่นก็คือการย้ายไปค้าแข้งบนเกาะอังกฤษ เพราะบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ในศึกพรีเมียร์ลีกมีฐานะร่ำรวยกันทั้งนั้น จึงพร้อมทุ่มเงินค่าเหนื่อยก้อนใหญ่เพื่อให้ย้ายมาโชว์ฝีเท้าด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งอยู่ภายใต้การคุมทัพของกุนซือ โจเซฟ กวาร์ดิโอล่า อดีตเจ้านายที่เคยร่วมงานกันตอนสมัยที่อยู่กับ บาร์เซโลน่า มาก่อนด้วย ปิดท้ายด้วยจุดหมายที่ 5 นั่นก็คือการหวนกลับไปค้าแข้งในบ้านเกิด ซึ่งอาจมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ นีเวลล์ส โอลด์ บอยส์ ซึ่งเป็นทีมเก่าเมื่อตอนเด็กๆ ในช่วงก่อนย้ายไปอยู่ในทวีปยุโรปเพื่อเซ็นสัญญาเป็นนักฟุตบอลอาชีพกับ บาร์เซโลน่า นั่นเอง และเคยสวมใส่เสื้อแข่งของ นีเวลล์ส โอลด์ บอยส์ โชว์ให้เห็นมาก่อนด้วย*** แต่จะต้องยอมหั่นค่าเหนื่อยก้อนใหญ่ที่เคยได้รับในช่วงตลอดชีวิตค้าแข้ง เพราะว่าทีมลูกหนังในดินแดนฟ้าขาวไม่สามารถทุ่มเงินจ่ายค่าแรงเป็นจำนวนมหาศาลให้ได้อย่างแน่นอน
คาดว่า ปารีส แซงต์ แชร์กแมง จะมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องของขุมกำลังนักเตะอีกครั้ง เพราะตั้งท่าพร้อมทุ่มเงินซื้อพวกดาวเตะระดับ “ซูเปอร์สตาร์” เข้ามาเสริมทัพอีกแล้ว เพื่อให้ย้ายเข้ามาทำหน้าที่เป็นตัวตายตัวแทนของ เมสซี่ ซึ่งพร้อมย้ายทีมในช่วงหลังหมดข้อผูกมัดอยู่แล้วนั่นเอง โปรดติดตามกันต่อไปว่า “เปแอสเช” จะมีการเปลี่ยนแปลงในช่วงหลังจบฤดูกาลนี้อย่างไรบ้าง แต่น่าจะหนีไม่พ้นเรื่องของการเปลี่ยน “กุนซือ” รวมถึงการทุ่มเงินซื้อพวกแข้งดังเข้ามาเสริมทัพตามแบบเดิมๆ ที่เคยทำมาแล้วกันอีกครั้ง เพื่อจะได้วนลูบไปสู่การสร้างความหวังใหม่ในเรื่องของการลุ้นยึดบัลลังก์ “เจ้าสโมสรยุโรป” ช่วงฤดูกาลหน้ากันต่อไปจนกว่าความฝันจะกลายเป็นความจริงเสียที
บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับแฟนตาซีฟุตบอล
บทความนี้นับสนุนโดย Siam99 เว็บคาสิโนออนไลน์ที่นึ่งในประเทศไทยสมัครตอนนี้รับตั๋ว5ใบทันที