แน่นอนว่าเป้าหมายหลักของ “เปแอสเช” ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ทีมยักษ์ใหญ่แห่งศึกลีก เอิง ฝรั่งเศส คือการผงาดคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เพื่อจะได้สถาปนาตัวเองเป็น “เจ้าสโมสรยุโรป” ให้ได้เสียที หลังจากที่ QSI กลุ่มทุนเงินหนาจากกาตาร์ได้ทุ่มเงินสร้างทีมไปเป็นจำนวนมหาศาล นับตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามายึดครองกิจการลูกหนังแห่งถิ่นปาร์ค เดส แปร็งซ์ เมื่อปี 2011 เป็นต้นมา แต่ว่าทีมมหาเศรษฐีจากเมืองน้ำหอมยังไม่สามารถไปถึงฝั่งฝันเหมือนอย่างที่วาดหวังเอาไว้ และต้องเฝ้ารอคอยกันต่อไปอีกหนึ่งฤดูกาล เพราะพลาดท่าแพ้ให้กับ บาเยิร์น มิวนิค ในเกมรอบ 16 ทีมสุดท้าย ด้วยสกอร์รวม 2 นัด 0-3 นั่นเอง จึงต้องจอดป้ายเพียงรอบนี้เหมือนอย่างเมื่อช่วง 2 ซีซั่นที่ผ่านมาไปเลยด้วย
นอกจากนี้ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ยังโดนพิษสงของอดีตเด็กปั้นตามเล่นงานอีกครั้ง นั่นก็คือ คิงสลีย์ โกมอง ปีกทีมชาติฝรั่งเศส ซึ่งเป็นคนยิงประตูชัยให้ บาเยิร์น มิวนิค บุกไปได้เฮในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก ถึงถิ่นปาร์ค เดส แปร็งซ์ ด้วยสกอร์ 0-1 นั่นเอง โดยก่อนหน้านี้ดาวเตะวัย 26 ปีเคยเป็นนักเตะฝึกหัดของ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง มาก่อน แต่ไม่สามารถแจ้งเกิดได้แบบเต็มตัว จึงตัดสินใจย้ายไปร่วมทัพ ยูเวนตุส ในปี 2014 ก่อนจะย้ายไปปักหลักอยู่กับ “เสือใต้” ตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา และเคยทำให้ทีมต้นสังกัดเก่าต้องน้ำตาตกในช่วงหลังจบเกมนัดชิง “เจ้าสโมสรยุโรป” เมื่อปี 2020 มาแล้ว เพราะเป็นคนโหม่งพังประตูชัยให้ บาเยิร์น มิวนิค เฉือนชนะ “เปแอสเช” ด้วยสกอร์ 1-0 แม้ว่าทีมมหาเศรษฐีจากเมืองน้ำหอมจะได้ฝากผลงานผ่านเข้าถึงนัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้เป็นครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์ แต่กลับลงเอยด้วยความผิดหวังจากฝีเท้าของศิษย์เก่านั่นเอง จึงต้องจำใจสวมบทเป็น “พระรอง” ในฐานะรองแชมป์จากเมื่อ 3 ปีก่อนไปเลย
นับตั้งแต่กลุ่มทุนเงินหนาจากกาตาร์ได้เข้ามายึดครอง “เปแอสเช” เมื่อ 12 ปีก่อน หลังจากนั้นได้มีการทุ่มเงินซื้อนักเตะฝีเท้าดีเข้ามาเสริมทัพแบบต่อเนื่องเลย โดยเฉพาะ เนย์มาร์ ดาวเตะทีมชาติบราซิล ซึ่งยังคงเป็นเจ้าของสถิตินักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลก เมื่อตอนที่ย้ายมาจาก บาร์เซโลน่า ในปี 2017 ด้วยค่าฉีกสัญญาเป็นเงินสูงถึง 222 ล้านยูโรเลยทีเดียว และทุ่มเงินคว้า คีลิยัน เอ็มบัปเป้ กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศสมาจาก โมนาโก ด้วยค่าตัวสุดแพงเหมือนกัน แถมยังทุ่มเงินค่าเหนื่อยก้อนใหญ่เพื่อคว้า ลิโอเนล เมสซี่ ดาวเตะทีมชาติอาร์เจนติน่าเข้ามาเสริมแนวรุกแบบฟรีๆ ในช่วงหลังหมดสัญญากับ บาร์เซโลน่า เมื่อ 2 ปีก่อน เพื่อให้ยอดแนวรุกทั้ง 3 คนดังกล่าวช่วยกันไล่ยิงประตูทีมคู่แข่งในสนาม และจะได้ต่อยอดไปสู่เรื่องของความสำเร็จที่ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การไล่กวาดคว้าถ้วยแชมป์ในฝรั่งเศสเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะว่าอยากจะไปให้ถึงเป้าหมายสูงสุด นั่นก็คือการชูถ้วยแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นสมัยแรกให้ได้เสียที
ทั้งนี้ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในยุคของกลุ่มทุนเงินหนาจากกาตาร์ได้ลงทุนจ้างกุนซือฝีมือดีให้เข้ามาทำหน้าที่คุมทีมหลายคนเลย ไม่ว่าจะเป็น คาร์โล อันเชลอตติ, โลรองต์ บลองก์ , อูไน เอเมรี่, โธมัส ทูเคิ่ล รวมถึง เมาริซิโอ โปเชตติโน่ ด้วยเช่นกัน แต่กลับลงเอยด้วยการแยกทางกันทั้งหมด และไม่มีใครพาทีมไปถึงฝั่งฝันได้เลยด้วย แม้ว่า โธมัส ทูเคิ่ล จะสามารถพาทีมไปได้ไกลถึงนัดชิงเป็นครั้งแรกในปี 2020 แต่ว่าทำได้ดีที่สุดเพียงแค่ตำแหน่ง “รองแชมป์” จึงยังคงเป็นผลงานที่ดีที่สุดในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ของสโมสรจนถึงปัจจุบันนี้เลยด้วย ส่วนในช่วงฤดูกาล 2022/2023 ได้ดึงตัว คริสตอฟ กัลติเย่ร์ กุนซือจอมเก๋าชาวฝรั่งเศสให้เข้ามาสวมบทเป็นนายใหญ่แห่งถิ่นปาร์ค เดส แปร็งซ์ เพราะเคยฝากฝีมือสุดเฉียบจากการนำทัพ ลีลล์ เข้าป้ายแชมป์ลีก เอิง ฝรั่งเศส แบบตัดหน้า “เปแอสเช” ในช่วงฤดูกาล 2020/2021 มาแล้วนั่นเอง
แต่ดูเหมือนว่าโค้ชวัย 56 ปีอาจจะไม่ได้เป็น “คนที่ใช่” สำหรับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง หากดูจากผลงานในช่วงเข้าสู่ปี 2023 เพราะว่าพบกับความพ่ายแพ้จากการลงเล่นในทุกรายการแบบต่อเนื่องเลย และเคยมีช่วงที่ต้องพบกับความปราชัยจากการลงเล่นในทุกรายการถึง 3 เกมติดต่อกันอีกต่างหาก ไล่ตั้งแต่บุกไปแพ้ โอลิมปิก มาร์กเซย 1-2 ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายเฟรนซ์ คัพ, บุกไปแพ้ โมนาโก 1-3 ในศึกลีก เอิง ฝรั่งเศส และแพ้คาบ้านให้กับ บาเยิร์น มิวนิค 0-1 ในศึกยูฟ่่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก จึงต้องพบกับความพ่ายแพ้ถึง 3 เกมซ้อนเป็นครั้งแรกเลยด้วย นับตั้งแต่กลุ่มทุนเงินหนาจากกาตาร์เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรเมื่อปี 2012 เป็นต้นมา นอกจากนี้ กัลติเย่ร์ ยังเป็นกุนซือที่ชอบใช้แท็กติกในเรื่องของการเล่นเกมรับแบบปลอดภัยไว้ก่อนเป็นหลักเลย ซึ่งดูขัดแย้งกับขุมกำลังนักเตะที่มีอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะการมีกองหน้าระดับพระกาฬให้เลือกใช้งานได้ถึง 3 คน จึงควรจะเน้นเรื่องของเกมรุกเพื่อเอาใจแฟนบอลมากกว่า
ทั้งนี้ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ได้เริ่มก่อตั้งสโมสรเมื่อปี 1970 และได้แปรสภาพเป็น “หนูตกถังข้าวสาร” ในช่วงปี 2011 เพราะกลุ่มทุนจากกาตาร์ได้ทุ่มเงินเพื่อเข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรเมื่อ 12 ปีที่แล้ว ทำให้ “เปแอสเช” กลายเป็นหนึ่งในทีมมหาเศรษฐีของวงการลูกหนังมาจนถึงปัจจุบัน และได้ลงทุนซื้อผู้เล่นฝีเท้าดีเข้ามาเสริมทัพแบบต่อเนื่องเลย โดยเฉพาะ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ซึ่งเคยแจ้งเกิดกับ โมนาโก มาก่อน จึงได้ดึงมาร่วมทีมในช่วงปี 2017 ด้วยสัญญายืมตัวแบบพ่วงเงื่อนไขซื้อขาดเอาไว้ด้วย หลังจากนั้นได้ยอมจ่ายเงินสูงถึง 180 ล้านยูโร เพื่อคว้าตัวมาร่วมทีมแบบถาวรตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา ทำให้ดาวเตะวัย 24 ปียังคงเป็นเจ้าของสถิตินักฟุตบอลค่าตัวแพงที่สุดของโลกในอันดับ 2 เป็นรองเพียงแค่รุ่นพี่ทีมต้นสังกัดเดียวกัน นั่นก็คือ เนย์มาร์ กองหน้าทีมชาติบราซิล ซึ่งยังคงรั้ง “เบอร์หนึ่ง” ในฐานะเจ้าของสถิตินักฟุตบอลค่าตัวแพงที่สุดในโลกคนปัจจุบัน เมื่อตอนที่ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ยอมจ่ายเงินเพื่อดึงตัวมาจาก บาร์เซโลน่า ในปี 2017 ด้วยค่าฉีกสัญญาสูงถึง 222 ล้านยูโรเลยทีเดียว หลังจากนั้น เอ็มบัปเป้ ได้ฝากผลงานยิงประตูให้ “เปแอสเช” แบบต่อเนื่องเลย โดยมีรางวัลการันตีฝีเท้าจากการยึดตำแหน่งดาวซัลโวลีก เอิง ฝรั่งเศส มาแล้วถึง 4 ฤดูกาล และสถาปนาตัวเองเป็นยอดดาวยิงในเกมระดับชาติจากการคว้ารางวัล “รองเท้าทองคำ” ในฐานะดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022 เมื่อช่วงปลายก่อนด้วยจำนวน 8 ประตู ซึ่งเป็นเหมือนกับรางวัลปลอบใจในช่วงหลังจากที่ทีมบ้านเกิดสวมบทเป็น “พระรอง” เพราะเป็นฝ่ายปราชัยในเกมนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022 จากการพลาดท่าเสียให้กับ อาร์เจนติน่า ในช่วงดวลจุดโทษตัดสินนั่นเอง
ตอนนี้ เอ็มบัปเป้ ได้ฝากผลงานยิงประตูให้กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง จากการลงสนามในทุกรายการไปแล้วทั้งหมด 201 ประตู จึงได้ขึ้นแท่นเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของสโมสรเรียบร้อยแล้ว เพราะแซงหน้าสถิติเดิมของ เอดินสัน คาวานี่ ซึ่งเคยค้าแข้งกับ “เปแอสเช” ในช่วงระหว่างปี 2013-2020 และเคยฝากผลงานสอยตาข่ายให้ทีมเมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศสได้มากที่สุดถึง 200 ประตูพอดีเลย แต่ว่าตอนนี้ต้องจำใจหล่นลงมาอยู่อันดับ 2 เสียแล้ว ส่วนอันดับ 3 เป็นของ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ซึ่งเคยยิงประตูให้กับสโมสรในช่วงระหว่างปี 2012-2016 ด้วยจำนวน 156 ประตู แม้จะได้พบกับความสำเร็จบนสังเวียนแข้งแบบต่อเนื่องเลย โดยเฉพาะการไปก้าวเท้าไปถึงจุดสูงสุดในเกมระดับชาติเมื่อตอนที่ผงาดคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 ร่วมกับทีมชาติฝรั่งเศสมาแล้วนั่นเอง แต่ดาวเตะวัย 24 ปีกลับไม่เคยไปถึงจุดสูงสุดของในเกมระดับสโมสรยุโรป เพราะว่ายังไม่เคยสัมผัสแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก แม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งเป็นจุดเป้าหมายสูงสุดของ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ด้วยเช่นกัน และหมดสิทธิ์ลุ้นยึดบัลลังก์ “เจ้าสโมสรยุโรป” ในช่วงฤดูกาลนี้เรียบร้อยแล้วด้วย เพราะเพิ่งจอดป้ายเพียงแค่รอบ 16 ทีมสุดท้ายเท่านั้น
ทำให้ “เปแอสเช” รวมถึง เอ็มบัปเป้ ยังคงต้องออกแรงเอื้อมมือเพื่อลุ้นคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นครั้งแรกให้ได้กันต่อไป หลังจากที่ได้จารึกชื่อเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ซึ่งยังคงต้องออกแรงตามล่าบัลลังก์ “เจ้าสโมสรยุโรป” กันต่อไปด้วยเช่นกัน
บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับลีกเอิง 1
บทความนี้นับสนุนโดย Siam99 เว็บคาสิโนออนไลน์ที่นึ่งในประเทศไทยสมัครตอนนี้รับตั๋ว5ใบทันที