เสือใต้พร้อมเสี่ยงเลือก “โธมัส ทูเคิ่ล” ผู้ยอมหักไม่งอ

Thomas tuchel

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องช็อกวงการลูกหนังโลกในช่วงฤดูกาลนี้ได้เหมือนกัน เนื่องจาก “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค ทีมยักษ์ใหญ่แห่งศึกบุนเดสลีกา เยอรมนี ได้ตัดสินใจเปลี่ยนตัวกุนซือแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทั้งๆ ที่ทำผลงานโดยรวมไม่ได้ย่ำแย่เลยด้วยซ้ำ เพราะว่าตอนที่ตัดสินใจปลดกุนซือยังคงมีลุ้นแชมป์ครบทั้ง 3 รายการเลยด้วย แต่กลับไล่ตะเพิด ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ โค้ชหนุ่มไฟแรงออกจากตำแหน่งนายใหญ่แห่งถิ่นอัลลิอันซ์ อารีน่า และแต่งตั้ง โธมัส ทูเคิ่ล โค้ชฝีมือดีที่ว่างงานอยู่ครึ่งปีให้เข้ามารับงานคุมทีมต่อเลยทันที

ทั้งนี้ โอลิเวอร์ คาห์น ตำนานผู้รักษาประตูทีมชาติเยอรมนีในฐานะซีอีโอ หรือผู้บริหารสูงสุดของสโมสรได้เปิดเผยสาเหตุที่ต้องตัดสินใจในเรื่องดังกล่าวมาจากเรื่องของ “คุณภาพ” เป็นหลักเลย เพราะเห็นว่า “เสือใต้” โชว์ฟอร์มในช่วงหลังจบฟุตบอลโลก 2022 ได้ไม่น่าประทับใจเสียเท่าไรนัก โดยในช่วงเข้าสู่ปี 2023 ลงเอยด้วยผลเสมอในศึกบุนเดสลีกาถึง 3 เกมติดต่อกัน และพบกับความพ่ายแพ้ถึง 2 เกมเลยด้วย ซึ่งรวมถึงนัดล่าสุดในช่วงก่อนพักเบรกทีมชาติเมื่อตอนปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพราะว่าบุกไปแพ้ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น 1-2 นั่นเอง จึงหล่นจากตำแหน่งจ่าฝูงในตอนนั่นจากการร่วงลงไปอยู่อันดับ 2 หลังลงเตะไปแล้ว 25 นัด มี 52 คะแนน และตามหลังทีมคู่ปรับตัวแกาจ นั่นก็คือ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ซึ่งได้ขึ้นไปรั้งอันดับ 1 เพียงแค่แต้มเดียวเท่านั้น จึงต้องเตรียมขับเคี่ยวเพื่อแย่งแชมป์ลีกสูงสุดเมืองเบียร์ไปจนถึงช่วงท้ายฤดูกาลนี้ค่อนข้างแน่ และมีโอกาสสูญเสียบัลลังก์แชมป์ลีกสูงสุดของประเทศได้เหมือนกัน หลังจากที่ยึดครองมานานถึง 10 ปีติดต่อกันแล้วด้วย นับตั้งแต่แย่งชิงมาจาก “เสือเหลือง” ในยุคสมัยของกุนซือ เจอร์เกน คลอปป์ เมื่อปี 2013 โน้นเลย

ทำให้บอร์ดบริหารของ บาเยิร์น มิวนิค มองว่า นาเกลส์มันน์ พาทีมทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐานที่ควรจะเป็นแบบแผ่วลงไปจากเดิมอยู่พอสมควร ซึ่งรวมถึงเรื่องของฟอร์มการเล่นที่ไม่ดุดันเหมือนอย่างที่หวังเอาไว้ จึงกระทบไปถึงเรื่องของผลงานในสนามที่ออกมาด้วยเช่นกัน และอาจจะส่งผลกระทบไปถึงเรื่องของความสำเร็จตามเป้าหมายในช่วงฤดูกาลนี้แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย เพราะยังคงอยู่บนเส้นทางลุ้นกวาด 3 แชมป์นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็น แชมป์บุนเดสลีกา, แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งได้ตบเท้าผ่านเข้าไปพบกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย รวมถึง แชมป์เดเอฟเบ โพคาล ซึ่งตอนที่ตัดสินใจปลดยังคงอยู่ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยเช่นกัน ทำให้ นาเกลส์มันน์ ต้องจำใจก้าวเท้าลงจากตำแหน่งในช่วงหลังคุมทีมได้เกือบ 2 ปี นับตั้งแต่ย้ายมาจาก แอร์เบ ไลป์ซิก เมื่อช่วงกลางปี 2021 พร้อมกับฝากผลงานคุมทีมลงสนามไปทั้งหมด 84 เกม โดยมีสถิติเก็บชัยชนะได้มากถึง 60 นัด เสมออีก 14 นัด และแพ้ 10 นัด จึงมีค่าเฉลี่ยของการเก็บชัยชนะอยู่ที่ตัวเลขสูงถึง 71.4% เลยทีเดียว และสามารถพาทีมประสบความสำเร็จจากการคว้าแชมป์บุนเดสลีกาเมื่อช่วงฟดูกาลก่อนได้อีกต่างหาก นอกจากนี้โค้ชหนุ่มไฟแรงวัย 35 ปีเตรียมได้รับเงินค่าชดเชยจากการตกงานในช่วงก่อนหมดข้อผูกมัดเป็นเงินก้อนใหญ่มากกว่า 30 ล้านยูโรเลยด้วย เพราะได้รับค่าเหนื่อยตามสัญญาที่ได้เซ็นกันเอาไว้จนถึงปี 2026 เป็นเงินสูงถึงปีละ 8 ล้านยูโรนั่นเอง แต่ว่าข้อตกลงในส่วนนี้จะถูกยเลิกทันที หากว่า นาเกลส์มันน์ ไม่ได้อยู่ในสถานะว่างงานจากการตัดสินใจตอบรับงานคุมทีมต้นสังกัดใหม่นั่นเอง 

แม้จะเป็นเรื่องที่สุ่มเสี่ยงอยู่ไม่น้อย เพราะได้ตัดสินใจเปลี่ยนตัวกุนซือ ซึ่งเปรียบเสมือนกับ “แม่ทัพ” ในช่วงกลางศึกระหว่างฤดูกาลนั่นเอง แต่ บาเยิร์น มิวนิค เลือกที่จะยอมรับความเสี่ยงจากการตัดสินใจแบบนั้นไปแล้ว โดยสื่อเยอรมันได้มีการวิเคราะห์เอาไว้ว่าอีกหนึ่งสาเหตุที่ “เสือใต้” ต้องเปลี่ยนตัวกุนซือแบบเร่งรีบเป็นเพราะว่ากลัวจะชวดได้ตัว โธมัส ทูเคิ่ล ซึ่งได้หมายหัวเอาไว้มาตั้งแต่ตอนสมัยที่คุมทัพ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทีมคู่ปรับร่วมลีกเดียวกันในช่วงระหว่างปี 2015-2017 และเห็นว่ายังว่างงานอยู่ด้วย นับตั้งแต่โดน เชลซี ไล่ออกจากตำแหน่งเมื่อช่วงเดือนกันยายนปีก่อน จึงตัดสินใจรีบดึงตัวโค้ชวัย 49 ปีให้เข้ามารับงานคุมทีมแบบเกรงว่าจะวืดคว้าตัว หากปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปนานกว่านี้นั่นเอง เนื่องจาก ทูเคิ่ล ยังคงเป็นกุนซือเนื้อหอมที่ได้รับความสนใจจากหลายๆ สโมสรด้วยเช่นกัน และมีข่าวว่าได้รับการทาบทามจากหลายๆ ทีมอีกต่างหาก ไม่ว่าจะเป็น “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ ทีมดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งได้แยกทางกับ อันโตนิโอ คอนเต้ ไปแล้ว เช่นเดียวกับ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ทีมยักษ์ใหญ่แห่งศึกลาลีกา สเปน ที่อาจจะแยกทาง คาร์โล อันเชลอตติ ในช่วงหลังจบฤดูกาลนี้ รวมถึงทีมต้นสังกัดเก่าอย่าง “เปแอสเช” ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ทีมมหาเศรษฐีแห่งศึกลีก เอิง ฝรั่งเศส ซึ่งตกเป็นข่าวว่าได้ตามจีบให้กลับไปรับงานคุมทีมอีกครั้งหนึ่งด้วยเช่นกัน เพราะตั้งท่าพร้อมแยกทางกับ คริสตอฟ กัลติเย่ร์ กุนซือชาวฝรั่งเศสคนปัจจุบัน ซ่งทำผลงานได้ไม่น่าประทับใจเอาเสียเลย โดยเฉพาะการหมดลุ้นยึดบัลลังก์ “เจ้าสโมสรยุโรป” ในฐานะแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ประจำฤดูกาล 2022/2023 เพราะจอดป้ายเพียงแค่รอบ 16 ทีมสุดท้ายเท่านั้น

แน่นอนว่าไม่มีใครสงสัยในฝีไม้ลายมือของ ทูเคิ่ล อยู่แล้ว เพราะได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในกุนซือระดับหัวแถวของโลกด้วยเช่นกัน และเคยผ่านงานคุมทีมยักษ์ใหญ่มาแล้วอีกต่างหาก แถมยังพาทีมประสบความสำเร็จจากการคว้าแชมป์ได้แบบต่อเนื่องเลยด้วย ไล่ตั้งแต่ตอนที่คุมทัพ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ คว้าแชมป์เดเอฟเบ โพคาล  เช่นเดียวกับตอนที่นำทัพ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง กวาดแชมป์ในฝรั่งเศสได้ครบทั้ง 3 รายการ รวมถึงผลงานระดับ “มาสเตอร์พีช” จากการนำทัพ เชลซี ผงาดยึดบัลลังก์ “เจ้าสโมสรยุโรป” จากการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในปี 2021 ได้ด้วย แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ บาเยิร์น มิวนิค ต้องแบกรับความเสี่ยงเอาไว้ด้วยเช่นกัน นั่นก็คือเรื่องอุปนิสัยใจคอของ ทูเคิ่ล ซึ่งเป็นคนที่พร้อม “ยอมหักไม่ยอมงอ” นั่นเอง หากเห็นว่าทีมต้นสังกัดไม่สนับสนุนการทำงานตามแนวทางของเขานั่นเอง และพร้อมเอ่ยปากพูดในเรื่องที่ไมพอใจผ่านสื่อแบบไม่เกรงใจใครทั้งนั้นเลยด้วย จึงต้องตกงานจากเหตุที่มีปัญหาขัดแย้งกับฝ่ายบริหารมาแล้วถึง 3 สโมสรเลยด้วย ไล่ตั้งแต่ตอนที่แยกทางกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แบบเห็นพ้องต้องใจกันทั้งสองฝ่ายในช่วงหลังจบฤดูกาล 2016/2017 หลังจากนั้นโดน ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ไล่ออกจากตำแหน่งในช่วงปลายปี 2020 เพราะมีปัญหาขัดแย้งกับผู้บริหารสโมสรในเรื่องของแนวทางการซื้อขายนักเตะ และโดน เชลซี สั่งปลดจากเหตุที่มีปัญหาขัดแย้งกับหลายๆ ฝ่ายภายในสโมสร และไม่ยอมตอบสนองคำสั่งของ ทอดด์ โบห์ลี่ ผู้เป็นเจ้าของทีมนั่นเอง ซึ่งว่ากันว่ามาจากเรื่องที่อยากจะดึง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อดีตดาวเตะของ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เข้ามาเสริมแนวรุกในช่วงออกสตาร์ทฤดูกาลนี้ให้ได้ แต่ ทูเคิ่ล กลับขวางลำเอาไว้เพราะไม่อยากได้นั่นเอง  

แต่ บาเยิร์น มิวนิค ได้ตัดสินใจยอมเสี่ยงเพื่อแลกกับฝีมือการคุมทีมของโค้ชชาวเยอรมัน จึงต้องรอติดตามกันต่อไปว่าจะเป็นไปแบบราบรื่นตลอดรอดฝั่งตามสัญญาที่ได้เซ็นกันเอาไว้จนถึงปี 2025 โน้นเลย แม้ว่า ทูเคิ่ล จะเป็นคนที่พร้อม “ยอมหักไม่ยอมงอ” แต่ว่ามีโอกาสถูกไล่ออกแบบไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของความขัดแย้ง เพราะขึ้นอยู่กับผลงานในสนามเป็นหลักเลยนั่นเอง หากว่าทำได้ไม่ดีเหมือนอย่างที่หวังเอาไว้ก็มีสิทธิ์กลายเป็นคนตกงานอีกครั้งได้เหมือนกัน

บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับบุนเดสลีกา

บทความนี้นับสนุนโดย Siam99 เว็บคาสิโนออนไลน์ที่นึ่งในประเทศไทยสมัครตอนนี้รับตั๋ว5ใบทันที

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *