“หมาป่า” โรม่า พร้อมให้ แทมมี่ อับราฮัม สวมบทเป็นกองหน้าตัวเป้าเพื่อดวลแข้งกับ เซบีญ่า ในศึกฟุตบอลยูฟ่า ยูโรปาลีก รอบชิงชนะเลิศ คืนวันที่ 31 พ.ค.นี้
ยูฟ่า ยูโรปาลีก รอบชิงชนะเลิศ
เซบีญ่า VS โรม่า
สนาม : ปุสกัส อารีน่า, กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี
เวลา : 02.00 น.
เซบีญ่า
เส้นทางสู่รอบชิงชนะเลิศ
รอบน็อคเอาท์ เพลย์ออฟ นัดแรก : ชนะ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น 3-0 (เหย้า)
รอบน็อคเอาท์ เพลย์ออฟ นัดที่ 2 : แพ้ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น 0-2 (เยือน)
(รวมผล 2 นัด เซบีญ่า ชนะ 3-2)
รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก : ชนะ เฟเนร์บาห์เช่ 2-0 (เหย้า)
รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 : แพ้ เฟเนร์บาห์เช่ 0-1 (เยือน)
(รวมผล 2 นัด เซบีญ่า ชนะ 2-1)
รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก : เสมอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-2 (เยือน)
รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 : ชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-0 (เหย้า)
(รวมผล 2 นัด เซบีญ่า ชนะ 5-2)
รอบรองชนะเลิศ นัดแรก : เสมอ ยูเวนตุส 1-1 (เยือน)
รอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 : เสมอ ยูเวนตุส 1-1 (เหย้า)
(รวมผล 2 นัด เสมอ 2-2 แต่ เซบีญ่า เป็นฝ่ายชนะช่วงต่อเวลาพิเศษด้วยสกอร์ 3-2)
คาดว่ากุนซือ โฆเซ่ เมนดิลิบาร์ จะปรับทัพบางตำแหน่ง เพื่อลุ้นเก็บชัยคว้าแชมป์รายการนี้เป็นสมัยที่ 7 โดยตอนนี้ยังคงเป็นเจ้าของสถิติคว้าแชมป์ยูฟ่า ยูโรปาลีก ได้มากที่สุดถึง 6 สมัยจากการผ่านเข้าชิงแล้วเป็นฝ่ายได้เฮทั้งหมดเลย และต้องการคว้าแชมป์เพื่อจะได้สิทธิ์ไปโชว์ฝีเท้าในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ช่วงฤดูกาลหน้ากันต่อไป แม้จะมีนักเตะขาดหายไปบ้าง แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดทีมลงสนาม เพราะใช้งานพวกแข้งหลักได้เกือบทั้งหมดเลย
11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 4-2-3-1
ยาซีน โบโน่, เนมันย่า กูเดลจ์, โลอิค บาเด้, กอนซาโล่ มอนเทียล, อเล็กซ์ เตลเลส, แฟร์นันโด้, อีวาน ราคิติช, ลูคัส โอคัมโปส, โอลิเวอร์ ตอร์เรส, เอริค ลาเมล่า, ยูสเซฟ เอ็น-เนซิรี่
ผู้รักษาประตู : พร้อมให้ ยาซีน โบโน่ ลงไปยืนเฝ้าเสาเป็นมือหนึ่งในรายการนี้ไปเลย ทำให้ มาร์โก ดมิโทรวิช เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองไปก่อน
แนวรับ : ไม่มี มาร์กอส อคูญ่า ติดโทษแบนจากการโดนใบแดงในรอบตัดเชือก แต่พร้อมให้ เนมันย่า กูเดลจ์ ขยับจากมิดฟิลด์ลงไปยืนเป็นกองหลังคู่กับ โลอิค บาเด้ ส่วนแบ็กซ้ายน่าจะให้ อเล็กซ์ เตลเลส ลงไปยืนประจำการ โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ เฆซุส นาบาส ในตำแหน่งแบ็กขวา ทำให้ คาริม เรกิก, ตองกีย์ นิเอ็นซู, มาร์เคา รวมถึง กอนซาโล มอนเทียล เตรียมนั่งเป็นตัวสำรอง เพราะไม่น่าจะได้ออกสตาร์ทเป้นตัวจริงอยู่แล้ว
แดนกลาง : น่าจะให้ แฟร์นันโด้ ลงไปยืนคุมเกมร่วมกับ อีวาน ราคิติช เพราะถูกวางตัวให้เป็นแกหนัลกในแผงมิดฟิลด์อยู่แล้ว ส่วนในรายของ เฆซุส โคโรน่า, ปาเป้ เกย์, โฆน จอร์แดน และ ปาปู โกเมซ เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองอยู่ที่ข้างสนาม
แนวรุก : เตรียมได้เห็น ยูสเซฟ เอ็น-เนซิรี่ ลงไปสวมบทเป็นกองหน้าตัวเป้า ขณะที่ โอลิเวอร์ ตอร์เรส พร้อมสวมบทเป็นเพลย์เมกเกอร์ในฐานะตัวปั้นเกม ส่วนตัวริมเส้นฝั่งซ้ายพร้อมให้ ลูคัส โอคัมโปส ลงไปยืนประจำการ เพราะน่าจะเป็นตัวเลือกแรกเหนือกว่า ไบรอัน กิล โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ เอริค ลาเมล่า ในตำแหน่งตัวริมเส้นฝั่งขวา ซึ่งน่าจะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในฐานะตัวเลือกแรกเหนือกว่า ซูโซ่ ทำให้ ราฟา เมียร์ เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองเพื่อรอโอกาสลงสนามกันต่อไป
โรม่า
เส้นทางสู่รอบชิงชนะเลิศ
รอบน็อคเอาท์ เพลย์ออฟ นัดแรก : แพ้ เรดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก 0-1 (เยือน)
รอบน็อคเอาท์ เพลย์ออฟ นัดที่ 2 : ชนะ เรดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก 2-0 (เหย้า)
(รวมผล 2 นัด โรม่า ชนะ 2-1 )
รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก : ชนะ เรอัล โซเซียดัด 2-0 (เหย้า)
รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 : เสมอ เรอัล โซเซียดัด 0-0 (เยือน)
(รวมผล 2 นัด โรม่า ชนะ 2-0 )
รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก : แพ้ เฟเยนูร์ด 0-1 (เยือน)
รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 : ชนะ เฟเยนูร์ด 2-0 (เหย้า)
(รวมผล 2 นัด โรม่า ชนะ 2-1)
รอบรองชนะเลิศ นัดแรก : ชนะ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น 1-0 (เหย้า)
รอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 : เสมอ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น 0-0 (เยือน)
(รวมผล 2 นัด โรม่า ชนะ 1-0)
คาดว่ากุนซือ คาดว่ากุนซือ โจเซ่ มูรินโญ่ จะปรับทัพบางตำแหน่ง เพื่อลุ้นคว้าแชมป์รายการนี้ให้ได้เป็นสมัยแรก และต้องการคว้าแชมป์เพื่อจะได้สิทธิ์ไปโชว์ฝีเท้าในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ช่วงฤดูกาลหน้ากันต่อไป แม้จะมีนักเตะได้รับบาดเจ็บอยู่บ้าง แต่ยังใช้งานพวกแข้งหลักได้เกือบทั้งหมด จึงพร้อมจัดผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนามไปเลย
11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 3-4-2-1
รุย ปาทริซิโอ, โรเจอร์ อิบาเญซ, ไบรอัน คริสตันเต้, จานลูก้า มันชินี่, เลโอนาร์โด้ สปินาซโซล่า, เนมันย่า มาติช, เอโดอาร์โด้ โบเว่, เซกี้ เซลิค, ลอเรนโซ่ เปเยกรินี่, จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม, แทมมี่ อับราฮัม
ผู้รักษาประตู : ไม่เปลี่ยนแปลงไปจาก รุย ปาทริซิโอ ซึ่งสวมบทเป็นมือหนึ่งอยู่แล้ว จึงพร้อมลงไปยืนเฝ้าเสาเป็นตัวจริงตั้งแต่นาทีแรกเหมือนเดิม ส่วนในรายของ ไมล์ สวิลาร์ เตรียมนั่งสแตนบายเป็นตัวสำรองอยู่ที่ข้างสนามเหมือนนัดก่อน
แนวรับ : พร้อมขยับ ไบรอัน คริสตันเต้ จากตำแหน่งมิดฟิลด์ให้ถอยลงมาสวมบทเป็นกองหลังเพื่อยืนร่วมกับ จานลูก้า มันชินี่ และ โรเจอร์ อิบาเญซ ส่วนในรายของ ดิเอโก้ ยอเรนเต้, คริส สมอลลิ่ง รวมถึง มาติอัส วิน่า เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองทั้งหมดเลย แต่หมดสิทธิ์ใช้งาน มาราช คุมบุลล่า ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ
แดนกลาง : เตรียมได้เห็น เนมันย่า มาติช ลงไปยืนคุมเกมร่วมกับ เอโดอาร์โด้ โบเว่ ส่วนวิงแบ็กฝั่งซ้ายน่าจะให้ เลโอนาร์โด้ สปินาซโซล่า ลงไปยืนประจำการ โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ เซกี้ เซลิก ซึ่งตัวเลือกแรกในตำแหน่งวิงแบ็กฝั่งขวา ทำให้ ริค คาร์สดอร์ป, นิโกล่า ซาเลฟสกี้, มาดี้ กามาร่า, คริสเตียน โวลปาโต้, เอบริม่า ดาร์โอเอ้ รวมถึง เบนจามิน ทาฮิโรวิช เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองทั้งหมดเลย เพราะไม่น่าจะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงอยู่แล้ว
แนวรุก : รอเช็กสภาพความฟิตของ เปาโล ดีบาล่า แต่ไม่น่าจะได้กลับมาลงเล่นเป็นตัวจริง จึงพร้อมให้ จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม ลงไปยืนเป็นตัวปั้นเกมร่วมกับ ลอเรนโซ่ เปเยกรินี่ ส่วนในรายของ แทมมี่ อับราฮัม พร้อมสวมบทเป็นกองหน้าตัวเป้าอยู่แล้ว ทำให้ อันเดรีย เบล็อตติ, โอล่า โซลบัคเค่น รวมถึง สเตฟาน เอล ชาราวี่ เตรียมนั่งเป็นตัวสำรองตามเดิม
สถิติการพบกันเอง
สำหรับคู่นี้เคยดวลแข้งกันในทุกรายการมาแล้วทั้งหมด 4 เกม ปรากฎว่า เซบีญ่า มีสถิติน้อยกว่าเล็กน้อย โดยเป็นฝ่ายชนะ 2 เกม เสมอ 1 เกม และแพ้ 1 เกม ส่วนผลการพบกันนัดล่าสุดในนัดกระชับมิตรเมื่อปี 2021 ปรากฎว่า เสมอ 0-0 ซึ่งเตะกันที่สนามเป็นกลาง สำหรับผลการพบกันนัดล่าสุดในศึกยูฟ่า ยูโรปาลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย จากการลงเตะที่สนามเป็นกลางเมื่อปี 2020 ปรากฎว่า เซบีญ่า เป็นฝ่ายชนะ 2-0
สถิติที่เคยพบกันทั้งหมด 4 เกม
นัดกระชับมิตร ปี 2015 : โรม่า ชนะ เซบีญ่า 6-4
นัดกระชับมิตร ปี 2017 : เซบีญ่า ชนะ โรม่า 2-1
ยูฟ่า ยูโรปาลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย ปี 2020 : เซบีญ่า ชนะ โรม่า 2-0
นัดกระชับมิตร ปี 2021 : โรม่า เสมอ เซบีญ่า 0-0
ความน่าจะเป็น
ทั้งสองทีมต้องการเป็นผู้ชนะในนัดชิงเพื่อคว้าแชมป์ และจะได้ตั๋วไปโชว์ฝีเท้าในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก แบบผ่านเข้าสู่รอบแบ่งกลุ่มไปเลยด้วย แน่นอนว่า เซบีญ่า เป็นเจ้าพ่อแชมป์รายการนี้อยู่แล้ว เพราะยังคงเป็นเจ้าของสถิติคว้าแชมป์ยูฟ่า ยูโรปาลีก ได้มากที่สุดถึง 6 สมัยเลยด้วย ส่วน โรม่า อยู่ภายใต้การคุมทัพของกุนซือ โชเซ่ มูรินโญ่ ซึ่งเป็นราชานัดชิงฟุตบอลยุโรป เพราะไม่เคยปราชัยในรอบชิงชนะเลิศนั่นเอง คาดว่า “หมาป่า” น่าจะมีโอกาสเก็บชัยได้มากกว่า
ผลที่คาด : เซบีญ่า แพ้ โรม่า 1-2
บทความนี้นับสนุนโดย Siam99 เว็บคาสิโนออนไลน์ที่นึ่งในประเทศไทย